Tag Archives: โบราณ

“พงตึก” ชุมชนการค้าโบราณพันปี กาญจนบุรี

วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังโบราณสถานพงตึก ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สถานที่แห่งนี้เคยเป็นชุมชนโบราณเก่าแก่มานานนับพันปี มาตั้งแต่สมัยทวารวดี พบหลักฐานทั้งโบราณสถานและโบราณวัตถุหลายชิ้น ที่เกี่ยวเนื่องในศาสนาพุทธ และพราหมณ์ฮินดู จากการศึกษาทางโบราณคดี สันนิษฐานว่า พื้นที่แถบนี้ จะเป็นชุมชนโบราณเชื่อมเส้นทางการค้าจากดินแดนฝั่งตะวันตก เชื่อมต่อกับเมืองโบราณอื่นๆ อาทิ เมืองคูบัว นครปฐม กำแพงแสน เมืองสิงห์ เมืองอู่ทอง เป็นต้น ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดย์ ได้เข้ามาสำรวจโบราณสถานพงตึก เมื่อปี พ.ศ.2470 ได้พบพระพุทธรูป พระพิมพ์จำนวนหลายองค์ ซึ่งมีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยทวารวดี ปัจจุบันมีโบราณสถาน 2 แห่ง ที่ได้รับการสำรวจอย่างเป็นทางการ แห่งที่ 1 มีลักษณะเป็นฐานศิลาแลงของอาคารมีบันไดทางขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นฐานของวิหาร ในช่วงแรก ที่ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดย์ เข้าสำรวจ พบหลักฐานโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องในศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ และพบโบราณวัตถุชิ้นเก่าแก่ คือ ตะเกียงแบบกรีก โรมัน ที่มีความเก่าแก่ถึง พุทธศตวรรษที่ 6 ตะเกียงกรีก-โรมัน ทำจากสำริด อายุกว่า 1,900 ปี พบที่โบราณสถานพงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ที่ฝาตะเกียงเป็นลายใบหน้าของเทพเจ้าซิเลนุส (Silenus) ด้ามจับเป็นลายปาล์มและปลาโลมา 2 ตัว เชื่อกันว่าผลิตขึ้นในช่วงราชวงศ์ปโตเลมี แห่งอเล็กซานเดรีย อียิปต์ นักโบราณคดีประเมินอายุอาจเก่าแก่ถึงพุทธศตวรรษที่ 6 หรือมีอายุมากกว่า 1,900 ปี… Read More »

โบสถ์โบราณ วัดปากบาง กาญจนบุรี

ผมได้เดินทางไปงานบุญที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงถือโอกาสท่องเที่ยววัดเก่าในพื้นที่ใกล้เคียง และได้ทราบมาว่าที่วัดปากบาง มีโบราณสถานเป็นโบสถ์เก่าอายุกว่าร้อยปีให้ชม และเคยถูกปิดมานานกว่า 10 ปี วัดปากบาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และเคยถูกทิ้งร้างลงช่วงหนึ่ง ก่อนได้รับการบูรณะอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 6 โบราณสถานสำคัญของวัดแห่งนี้คือ อุโบสถเก่า ซึ่งหันหน้าไปทางแม่น้ำแม่กลอง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ตัวอาคารใช้ผนังรองรับน้ำหนักของโครงสร้างหลังคา ไม่มีเสาในอาคาร มีพาไลยื่นออกมา มีช่องประตูทางเข้า 1 ช่อง หน้าต่างข้างละ 2 ช่อง ฐานอุโบสถเป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่ สร้างทับบนฐานอิฐของอาคารเดิมในสมัยแรก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป พระนามว่า หลวงพ่อศรีมงคล โดยเป็นพระพุทธรูปเก่า 4 องค์ แบ่งเป็นปางมารวิชัย 2 องค์ และปางสมาธิ 2 องค์ ซึ่งน่าจะเป็นการสร้างแทนองค์พระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ จำนวน 4 พระองค์ที่ผ่านมา ที่หน้าบันประดับประติมากรรมปูนปั้นและเขียนสีเล่าเรื่องทางพระพุทธศาสนา ประกอบไปด้วย หน้าบันด้านหน้าอุโบสถ เป็นภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งขัดสมาธิ ถัดลงมาเป็นพระมาลัยขึ้นไปโปรดเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และสักการะพระจุฬามณีเจดีย์ หน้าบันด้านหลังอุโบสถ เป็นภาพพระพุทธเจ้าประทับยืน มีพระอัครสาวกเบื้องซ้ายและขวา 5ถัดลงมาเป็นพระมาลัยรับถวายดอกไม้จากมานพผู้ยากไร้ กรอบซุ้มประตูและหน้าต่าง ประดับประติมากรรมปูนปั้น พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ โดยที่ซุ้มหน้าต่างเป็นอดีตพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ 3 พระองค์ และพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน 1 พระองค์ ที่ซุ้มประตูทางเข้าอุโบสถ เป็นภาพพระศรีอริยเมตรไตร… Read More »

วัดท่าแคลง จันทบุรี โบสถ์เก่าอายุเกือบ 200 ปี สุดคลาสสิค

YouTube : FaithThaiStory สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปท่องเที่ยวถึงจันทบุรี เพื่อไปชมความงดงามเก่าแก่ของโบสถ์โบราณอายุเกือบ 200 ปี วัดท่าแคลง ที่มีความเป็นเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.สนามไชย อ.นายายอาม จ.จันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เป็นจังหวัดที่ผมเคยทำงานประจำมาก่อน เมื่อราว 10 กว่าปีก่อน แต่ครั้งนั้นยังไม่ได้สนใจเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม จึงไม่เคยรู้ว่ามีวัดเก่าแก่สวยงามใกล้บริษัทที่เคยทำงานครั้งนั้น วันนี้ได้มีโอกาสไปถึง อ.นายายอาม จ.จันทบุรี จึงได้ค้นหาข้อมูล พบว่าที่วัดท่าแคลงแห่งนี้ มีความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมโบสถ์เก่าที่ได้รับอิทธิพลจากทางตะวันตกอยู่ด้วย มีอายุเกือบ 200 ปี และยังคงสภาพเดิมอยู่ในปัจจุบันนี้ วัดท่าแคลง ไม่ปรากฏบันทึกประวัติการสร้างชัดเจน จึงมีการสันนิษฐานอายุจากรูปแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์เก่า ซึ่งผมได้อ่านพบวิจัยเรื่อง สถาปัตยกรรมรัชกาลที่ 5 ในมณฑลการปกครองของภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา ได้อธิบายงานวิจัยไว้ว่า โบสถ์เก่าของวัดท่าแคลงมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบพื้นถิ่น ที่ได้รับอิทธิพลตะวันตก สันนิษฐานสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 – 5 โดยช่างชาวจีนที่มีภูมิลำเนาในแถบนั้น โบสถ์มีขนาดกว้าง 8.86 เมตร ยาว 15.40 เมตร เป็นอาคารก่ออิฐแบบทรงโรง หลังคาทรงจั่วแบบชั้นลด มุงด้วยกระเบื้องว่าว มีชายคายื่นออกจากผนัง มีประตูทางเข้าด้านหน้าและหลัง ด้านละ 2 บาน ซุ้มประตูทางเข้ามีการตกแต่งด้วยปูนปั้นระบายสี ทำเป็นรูปซุ้มแบบใบโพธิ์ภายในมีการตกแต่งปูนปั้นรูปนกและพันธุ์พฤกษา กรอบประตูปั้นปูนคิ้วเลียบแบบเครื่องไม้ บางส่วนมีการเซาะร่องและระบายสีคราม เหลือง และน้ำตาลตามส่วนต่างๆของซุ้มประตู หน้าต่างโบสถ์เก่ามีด้านละ 3 บาน… Read More »

วัดใหญ่บ้านบ่อ สมุทรสาคร วิหารเก็บโบราณวัตถุสำคัญหลายชิ้น

YouTube : FaithThaiStory พาเที่ยวโบราณสถานวัดใหญ่บ้านบ่อ ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ประวัติวัดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเขียนไว้ว่า สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ราวปี พ.ศ.2264 มีโบราณสถานที่น่าสนใจได้แก่ อุโบสถเก่า, หอไตรกลางน้ำ และวิหารเก่าโบราณ อุโบสถเก่ามีการบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2472 เพราะระบุปีการบูรณะไว้ที่หน้าบันด้วย มีการซ่อมแซมมุงหลังคาและซุ้มประตูใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2512 โดยมีพ่อเล็ก แม่หมา โพธิ์บุญ และพ่อบุญส่ง แม่ทองคำ ทองมาก มาสร้างพาไลด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงปูหินอ่อนใหม่ และในปี พ.ศ.2542 มีการบูรณะด้านในอุโบสถและปิดทององค์พระประธานใหม่ ภายในอุโบสถไม่มีภาพจิตรกรรม แต่ที่บานประตูมีการเขียนภาพโดยช่างท้องถิ่น หน้าอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางปาเลไลยก์ โดยรอบอุโบสถ มีใบเสมาคู่ ทำจากหินทรายแดงที่มีศิลปกรรมสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง เป็นโบราณวัตถุสำคัญที่อาจจะใช้ยืนยันได้ว่า วัดแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจริงๆ ข้างอุโบสถ มีหอไตรไตรกลางน้ำมีความเก่าแก่ และโดดเด่นงดงามยิ่งนัก ทางวัดได้อนุรักษ์เสริมความแข็งแรงยกพื้นสูงขึ้น เพื่อให้คงอยู่คู่วัดยาวนานที่สุด โบราณสถานแห่งที่สามคือวิหารเก่า เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน เครื่องบนและหลังคาทำจากไม้ มีพาไลยื่นออกมาด้านหน้า ประดับบัวแวงหัวเสา ที่เป็นศิลปกรรมสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในประดิษฐานพระประธานบนฐานชุกชี มีพระสาวกขนาบข้าง โดยรอบด้านในวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ชำรุดหลายองค์ รวมถึงเก็บรักษาโบราณวัตถุหลายชิ้น พระพุทธรูปองค์ใหญ่หลายองค์แตกชำรุดเศียรหายไป เห็นด้านในเป็นแกนไม้ และยังมีพระพุทธรูปเก่าองค์ขนาดเล็กอีกหลายองค์รวมอยู่ด้วย วิหารหลังนี้เปรียบเสมือนแหล่งเก็บโบราณวัตถุสำคัญหลายอย่างของวัดไว้ โบราณวัตถุสำคัญที่เก็บรักษาไว้ภายในอีกอย่างคือใบเสมา จึงอาจจะสันนิษฐานได้ว่า วิหารหลังนี้เคยเป็นอุโบสถมาก่อน ในวันที่ผมเดินทางไปนั้น เป็นช่วงที่ฝนตกชุก ประกอบกับหลังคาวิหารมีรอยรั่วหลายจุด ทำให้มีน้ำเจิ่งนองท่วมด้านใน ซึ่งทางวัดกำลังดำเนินการบูรณะรักษาโบราณสถานแห่งนี้ ให้คงทนแข็งแรงยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต … Read More »

วัดราษฎร์บำรุง(วัดหงอนไก่) โบสถ์โบราณสุดขลัง สมุทรสาคร

YouTube : FaithThaiStory วัดราษฎร์บำรุง หรือวัดหงอนไก่ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านคลองอ่อนใจ ตำบลคลองมะเดื่อ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร แรกเริ่มตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์เมื่อราวปี พ.ศ. 2438 มีท่านสมภารเทียนเป็นผู้ริเริ่มในการก่อสร้าง นางพวง รอดสมหวัง เป็นผู้บริจาคที่ดินให้วัดจำนวน 16 ไร่ 3 งาน 85 ตารางวา เพื่อใช้เป็นที่ดินสงฆ์ หมื่นยงค์ มักสันต์ และกำนันแก้ว จันทร์เต็มดวง เป็นผู้อุปถัมภ์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2444 ภายในวัดมีโบราณสถานที่น่าสนใจคือโบสถ์หลังเก่าอายุมากกว่า 100 ปี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ไม่ทราบปีสร้าง มีพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ. 2450 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดค่อนข้างเล็ก มีหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องว่าว มีพาไลมุงสังกะสียื่นออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นด้านบนเป็นรูปเทพพนม ถัดลงมาเป็นหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากัน มีลวดลายดอกไม้ประดับด้วยเครื่องถ้วย และเครื่องลายครามแบบจีนที่เป็นแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนด้านล่างของหน้าบันเป็นรูปมังกรคู่หันหน้าชนกัน ปัจจุบันอุโบสถหลังเก่าไม่ได้ใช้งานกลายเป็นอาคารร้าง และมีการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ใช้งานทดแทนหลังเดิม มีพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เมื่อปี พ.ศ.2512 อุโบสถหลังเก่ากรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ในวันเดินทาง ผมเห็นอุโบสถหลังเก่ามีสภาพทรุดโทรมหนัก หลังคารั่วและพังหลายจุด มีน้ำขังภายในและโดยรอบ ถ้าปล่อยไว้สภาพเช่นนี้ นานไปคงพังทลายลงมา ในวันนี้อาจจะยังสามารถแก้ไขเพิ่มเติมความแข็งแรง… Read More »

วัดโชติการาม โบสถ์โบราณทรงวิลันดา เมืองนนทบุรี

YouTube : FaithThaiStory พาเที่ยวนนทบุรี ชมโบราณสถาน วัดโชติการาม เดิมชื่อว่า “วัดสามจีน” ตั้งอยู่ที่ ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อราวปี พ.ศ.2350 โดยชาวจีนสามคน ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 3 ได้รับการปฏิสังขรณ์โดยพระยาโชฎึกราช(บุญมา) และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโชติการาม จากรูปแบบสถาปัตยกรรมมีการสืบทอดรูปแบบมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โบราณสถานสำคัญในวัดได้แก่ อุโบสถ เจดีย์ประธาน และวิหาร ซึ่งตั้งเรียงกันในแนวทิศเหนือและใต้ อุโบสถเป็นอาคารทรงวิลันดา เป็นอาคารขนาดเล็ก หน้าบันใช้การก่ออิฐประดับลวดลายปูนปั้นแทนจั่วไม้แกะสลัก ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่นิยมมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยมีภาพปูนปั้นหน้าบันเล่าเรื่องราวในชาดกเรื่อง ภูริทัตชาดก ประดับด้วยเครื่องถ้วยจีน ที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ท่ามกลางลวดลายพรรณพฤกษา ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธานปางมารวิชัย และหมู่พระพุทธรูปอีกหลายองค์ เจดีย์ประธาน เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สร้างบนฐานประทักษิณ 2 ชั้น ระเบียงฐานประทักษิณตกแต่งด้วยกระเบื้องปรุลายจีน มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ เจดีย์มีชุดฐานสิงห์ซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้น เป็นรูปแบบที่นิยมมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย วิหารเป็นอาคารขนาดเล็ก บานประตูด้านนอกแกะสลักรูปทวารบาลแบบจีนยืนบนสิงโต บานหน้าต่างด้านนอกตกแต่งลายรดน้ำ ด้านในบานประตูและหน้าต่างเขียนภาพแจกันทรงสูงใส่ดอกไม้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3-4 เป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้าและภาพในพุทธประวัติ จากการสำรวจทางโบราณคดีรอบอุโบสถและเจดีย์ประธาน โดยกรมศิลปากร พบว่ามีการสร้างและบูรณะ 3 ระยะ ได้แก่ แรกสร้างวัด สันนิษฐานสร้างราวสมัยอยุธยาตอนปลาย ถึงรัชกาลที่… Read More »