Tag Archives: เมืองโบราณ

เมืองโบราณเมืองไผ่ ทวารวดีสุดขอบตะวันออก สระแก้ว

ผมได้วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวโบราณสถานที่ปราสาทสด๊กก๊อกธม แต่ระหว่างทางได้สังเกตเห็นแผนที่บน Google Map มีลักษณะคล้ายเมืองโบราณทวารวดี มีลักษณะคูน้ำคันดินล้อมรอบ ทราบชื่อว่า “เมืองไผ่” และปรากฏร่องรอยโบราณสถานกลางเมือง ที่สันนิษฐานว่าจะเป็นปราสาท ผมจึงได้ตัดสินใจแวะไปชม ซึ่งเส้นทางมีความสะดวก เป็นถนนคอนกรีตเข้าสู่ชุมชนไปตลอดทาง เมืองโบราณแห่งนี้ตามข้อมูลว่าเป็นเมืองโบราณทวารวดีสุดขอบตะวันออกของไทยเลยทีเดียว พบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย จนกระทั่งรับวัฒนธรรมทวารวดีตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 จนไปถึงยุคขอม เมืองโบราณเมืองไผ่ ตั้งอยู่ที่ บ้านเมืองไผ่ ต.เมืองไผ่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นเมืองโบราณทวารวดีสุดขอบทิศตะวันออกของไทย สันนิษฐานว่ามีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมตั้งแต่ช่วงต้นทวารวดีพุทธศตวรรษที่ 12 – 18 ลักษณะสัณฐานเมืองโบราณคล้ายวงรี รูปไข่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน มีลำห้วยไหลผ่าน คล้ายเป็นการแบ่งเมืองชั้นนอกและเมืองชั้นใน โดยภายในเมืองชั้นใน ปรากฏร่องรอยโบราณสถาน เรียกกันว่า “ปราสาทเมืองไผ่” สาเหตุชื่อเมืองไผ่ เพราะบริเวณคูเมืองมีก่อไผ่เกิดขึ้นจำนวนมาก กรมศิลปากรได้เข้าสำรวจเบื้องต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2512 พบโบราณสถาน ต่างๆ ได้แก่ ปราสาทเมืองไผ่ เนินโบราณสถานนอกเมือง คูเมือง สระน้ำโบราณหรือบาราย ปราสาทเมืองไผ่ เป็นอาคารก่ออิฐ ส่วนฐานเป็นมุขยื่นออกไปทั้งสี่ทิศ บริเวณผนังแกะสลักลวดลายต่างๆ เช่น หน้าบุคคล มีกำแพงแก้วล้อม 2 ชั้น และพบโบราณวัตถุสำคัญ เช่น เทวรูปยืนถือกระบองศิลปะแบบบายน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ธรรมจักรสมัยทวารวดี และจารึกอักษรปัลวะ ปราสาทเมืองไผ่ รายล้อมไปด้วยชุมชนในยุคปัจจุบัน ซึ่งทางชุมชนมีความคาดหวังที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง… Read More »

เมืองโบราณพันปี ที่ถนนสายเอเชียตัดผ่าน เมืองโคกไม้เดน นครสวรรค์

สวัสดีครับผมได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวโบราณสถานแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ผมจึงได้ลองหาข้อมูลบน Google Map พบว่ามีสถานที่ในเขต อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ มีร่องรอยของเมืองโบราณ ร่วมสมัยทวารวดี เก่าแก่กว่าพันปี มีชื่อว่า “เมืองโบราณโคกไม้เดน”  จากการดูแผนที่บน Google Earth พบว่า เมืองโบราณโคกไม้เดนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีถนนหมายเลข 1 หรือถนนสายเอเชียตัดผ่านทำให้เมืองโบราณถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน ถ้าเดินทางจากกรุงเทพฯ ฝั่งซ้ายจะเป็นเมืองชั้นใน(กรอบสีเขียว) ฝั่งขวาจะเป็นชั้นนอก มีภูเขาเขาเป็นปราการซึ่งเป็นเขตของวัดโคกไม้เดน และผมเชื่อว่า จะเป็นเมืองโบราณที่มีผู้คนเดินทางผ่านมากที่สุด แต่น้อยคนจะรู้ว่าได้เดินทางผ่านดินแดนโบราณที่สืบทอดการอยู่อาศัยมานานนับพันปี เนื่องจากผมมีเวลาค่อนข้างน้อย ผมจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังฝั่งวัดโคกไม้เดน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งน่าจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ถ้ามีเวลาภายหลังจะหาโอกาสพาไปชมนะครับ ผมได้ตั้งพิกัดไปยังวัดเขาไม้เดน ซึ่งจะอยู่ทางเข้าด้านข้างศูนย์สุขภาพจิตที่ 3 ผ่านศาลเจ้าพ่อขุนด่าน เส้นทางจะผ่านเขาลูกเตี้ยๆไปตลอดทางจนถึงวัดเขาไม้เดน ก็จะเริ่มเห็นร่องรอยของโบราณสถานแล้วครับ ย้อนกลับไปในอดีตที่มีการค้นพบเมืองโบราณแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ.2506 เกิดจาก ดร.ควอริตช์ เวลส์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้นำภาพถ่ายทางอากาศของทหารอังกฤษและอเมริกัน เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 มาทำการศึกษา จึงเห็นลักษณะทางภูมิประเทศเป็นผังเมืองโบราณ ซึ่งน่าจะค้นพบแหล่งโบราณคดีและโบราณวัตถุมากมายในพื้นที่แถบนี้ จึงได้แจ้งเรื่องและขออนุญาตร่วมสำรวจกับทางกรมศิลปากร ซึ่งขณะนั้นมีนายธนิต อยู่โพธิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร เมื่อทางกรมศิลปากรอนุมัติการสำรวจ จึงได้เริ่มสำรวจครั้งแรกราวเดือนเมษายน พ.ศ.2507 พบโบราณสถานและโบราณวัตถุศิลปะในวัฒนธรรมทวารวดี เช่นเดียวกับที่นครปฐม ,เมืองโบราณคูบัว ราชบุรี โบราณสถานพงตึก กาญจนบุรี และ อู่ทอง สุพรรณบุรี และยังพบพระพิมพ์ดินเผา… Read More »

เมืองโบราณพันปีไพศาลี และเมืองเก่าเวสาลี นครสวรรค์

วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังเมืองเก่าเวสาลี ตั้งอยู่ที่ตำบลสำโรงชัย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ การเดินทางถือว่ามีความสะดวก รถยนต์สามารถเข้าถึงได้ กลุ่มโบราณสถานแห่งนี้ได้รับการสำรวจตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 โดยกรมศิลปากร กำหนดอายุอยู่ในสมัยอยุธยาตอนกลางเป็นต้นไป ความพิเศษของกลุ่มโบราณสถานแห่งนี้คือ เคยเป็นส่วนหนึ่งของเมืองโบราณไพศาลี ซึ่งเป็นเมืองโบราณอายุกว่าพันปี ในสมัยทวารวดีอีกด้วย แผนผังการสำรวจเมืองโบราณไพศาลี เมื่อปี พ.ศ.2511 ได้ระบุตำแหน่งของกลุ่มโบราณสถานเมืองเก่าเวสาลี จะตั้งอยู่ทางทิศะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโบราณไพศาลี งานวิจัยการพัฒนาการทางวัฒนธรรมของชุมชนแรกเริ่ม ในเขตอำเภอไพศาลี โดย นฤพล หวังธงชัยเจริญ มหาวิทยาลัยศิลปากร พบว่ามีการพัฒนาการของชุมชนมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงสมัยทวารวดี เช่นเดียวกับเมืองโบราณอื่นๆ ที่ค้นพบในลพบุรีและนครสวรรค์ จากนั้นได้พัฒนาการใช้งานในสมัยอยุธยา จากหลักฐานโบราณสถานในกลุ่มเมืองเก่าเวสาลี เมืองโบราณไพศาลี ในสมัยทวารวดี เดิมมีแผนผังคล้ายสี่เหลี่ยมมุมมน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ปัจจุบันถ้าดูแผนที่จาก Google Earth จะยังคงมองเห็นคูคันดิน และคูน้ำล้อมรอบในบางส่วน มีขนาดเมืองยาวประมาณ 700 เมตร กว้าง 500 เมตร เป็นรูปแบบเมืองโบราณทวารวดีที่ปรากฏให้เห็นโดยทั่วไป และคงมีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับเมืองโบราณแถบภาคกลางของไทย ได้แก่ นครสวรรค์ ลพบุรี เพชรบูรณ์ สำหรับเมืองเก่าเวสาลีเป็นพัฒนาการต่อเนื่อง มาถึงสมัยอยุธยา โบราณสถานประกอบไปด้วย โบสถ์ วิหาร มณฑป ปรางค์ ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ก่อด้วยอิฐและได้รับการบูรณะแล้ว เมืองเก่าเวสาลีแห่งนี้คงถูกทิ้งร้างในช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งถึงสมัยอยุธยา จึงมีการบูรณะและสร้างกลุ่มโบราณสถานแห่งนี้ขึ้น ปัจจุบันตัวเมืองโบราณถูกปรับสภาพและผ่านกาลเวลามานานนับพันปี จึงไม่พบซากโบราณสถานใดๆ เราจึงได้ท่องเที่ยวเพียงกลุ่มโบราณสถานเมืองเก่าเวสาลี ที่มีอายุอยู่ในสมัยอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโบราณเท่านั้น  สุดท้ายนี้ขอขอบคุณการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปครับ… Read More »

เมืองโบราณบ้านคูเมือง สิงห์บุรี จากเมืองโบราณพันปีสู่สวนรุกขชาติ

วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังเมืองโบราณทวารวดีอีกแห่งหนึ่งในภาคกลาง นั่นก็คือ “เมืองโบราณบ้านคูเมือง” สิงห์บุรี ปัจจุบันพื้นที่ได้ถูกจัดสรรเป็นสวนรุกขชาติคูเมือง เพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช เมืองโบราณแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมมน และยังปรากฏคูน้ำคันดินล้อมรอบอย่างชัดเจน ภายในเมืองโบราณมีขนาดกว้าง 650 เมตร ยาว 750 เมตร สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ 1 เมตร ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำสำคัญคือ แม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันออก และแม่น้ำน้อยทางทิศตะวันตก และมีลำน้ำเครือข่ายอยู่โดยรอบ การขุดสำรวจภายในคูเมืองไม่หลงเหลือซากของโบราณสถาน  แต่พบหลักฐานทางโบราณวัตถุและร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์โบราณ หลังการสำรวจ จึงได้จัดสรรพื้นที่ให้เป็นสวนรุกขชาติ เพื่อการอนุรักษ์พันธุ์พืชและเป็นแหล่งโบราณคดี การขุดสำรวจทางโบราณคดี ตั้งแต่ปี 2511-2526 พบโบราณวัตถุทางพระพุทธศาสนา อาทิ ธรรมจักร พระพุทธรูป เศียรพระพุทธรูป และโบราณวัตถุอื่นๆ เช่น เครื่องปั้นดินเผา แวดินเผา ลูกปัด เป็นต้น คุณภัทราวดี ดีสมโชค นักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินการสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อปี 2560 พบหลักฐานทางโบราณคดี เป็นโครงกระดูกเด็ก โครงกระดูกสัตว์ เครื่องประดับลูกปัดต่างๆ เครื่องปั้นดินเผาและ เศษภาชนะดินเผาที่มีอักษรปัลลวะ การหาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์ จากโครงกระดูกมนุษย์และสัตว์ ด้วยวิธีคาร์บอน 14 พบว่ามีอายุในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 10 – 12 ในส่วนโบราณวัตถุที่พบ จะอยู่ในช่วงสมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่… Read More »

“ดงละคร” เมืองโบราณพันปี สมัยทวารวดี นครนายก

เมืองโบราณดงละคร จ.นครนายก ชื่อ “ดงละคร” นี้มีที่มาจากชาวบ้านที่จะกล่าวกันว่า พื้นที่นี้คือ “เมืองลับแล” เพราะเล่าขานสืบต่อกันว่าในเวลากลางคืนจะได้ยินเสียงดนตรีวงมโหรีคล้ายการเล่นละครอยู่ในป่า จึงเรียกขานกันว่า “ดงละคร” ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งกล่าวว่า เดิมพื้นที่นี้เรียกว่า “ดงนคร” แปลว่า “นครในดงป่า” ต่อมาได้เรียกเพี้ยนไปเป็น ดงละคร ในภายหลัง  จากรายงานของคุณจิราพร เพชรดํา ผู้สํารวจ และนักวิชาการวัฒนธรรมชํานาญการ ได้เขียนรายงานไว้ว่า บ้านดงละครเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ สืบย้อนการเข้ามาอยู่อาศัยหลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย โดยเข้ามาทำการเกษตรกรรม จึงขุดพบโบราณวัตถุมากมาย จนกระทั่งในปี พ.ศ.2515 จึงมีการสำรวจทางโบราณคดีอย่างเป็นทางการ พบร่องรอยการเข้ามาอยู่อาศัยเป็นชุมชน ตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยการพบโบราณวัตถุ เช่น พระพิมพ์เนื้อเงิน ศิลปะแบบทวาราวดีเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบสีน้ำตาล เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถังและซ้อง รวมทั้งลูกปัดแก้วหลายสี ลูกปัดแบบลูกตา ลูกปัดสลับสี ลูกปัดหินคาร์เนเลียนและอาร์เกต พบความรุ่งเรืองอย่างเด่นชัดเป็น 2 ช่วงคือ สมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12 – 16 และในยุคขอมรุ่งเรือง ในพุทธศตวรรษที่ 17-19 เมืองดงละครมีผังเมืองเป็นรูปไข่หรือวงรีมีคันดินและคูน้ำ มีประตูทางเข้าเมืองและสระนาอยู่ทั้งสี่ทิศ สันนิษฐานว่าชุมชนนี้มี การติดต่อกับต่างชาติเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าที่เป็นทรัพยากรในป่า โดยใช้แม่น้ำนครนายกล่องเรือสู่ท้องทะเล เมืองโบราณดงละคร เป็นเมืองโบราณพันปี สมัยทวรวดี ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ แม้จะล่มสลายไปแล้ว แต่ยังคงหลงเหลือสภาพของสัณฐานชัดเจนของคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ตามแผนผังของเมืองโบราณในสมัยทวารวดี อีกทั้งยังคงมีสภาพป่าหลงเหลือ ซึ่งผมเดินทางไปช่วงกลางวัน ยังได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้องกันระงมป่า ถ้าช่วงกลางคืนคงวังเวงน่าดูเลยครับ  สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณการติดตาม… Read More »

เมืองครุฑ เมืองโบราณที่ล่มสลาย สถานที่พบครุฑหินใหญ่ที่สุดในไทย

ผมได้มีโอกาสดินทางไปท่องเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี และได้ลองค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จึงมีความสนใจที่จะเดินทางไปยังปราสาทเมืองสิงห์ และโบราณสถานเมืองครุฑ หลายท่านคงคุ้นเคยกับปราสาทเมืองสิงห์ เพราะเป็นโบราณสถานที่ยังปรากฏโครงสร้างขนาดใหญ่ แต่โบราณสถานเมืองครุฑ หลายท่านก็อาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งผมก็มีความสนใจจะเดินทางไปด้วยเช่นกัน และได้ทราบมาว่าเส้นทางจะไปยังเมืองครุฑ จะอยู่ห่างจากปราสาทเมืองสิงห์ราว 10 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางลูกรัก เข้าสู่ซากโบราณสถานที่รายล้อมไปด้วยขุนเขา ปรากฏร่องรอยคันดินและรากฐานศิลาแลง ก่อนไปยังเมืองครุฑ ผมจะพาทุกท่านไปยังปราสาทเมืองสิงห์กันเสียก่อน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีคูเมืองคันดินและกำแพงเมืองศิลาแลงล้อมรอบ สร้างขึ้นตามลักษณะขอมแบบบายน ราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือตรงกับสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นักวิชาการส่วนใหญ่ ได้นำหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมเขมรโบราณ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 เชื่อมโยงกับข้อความตอนหนึ่งในศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ ซึ่งปรากฏชื่อเมืองที่สันนิษฐานว่าตั้งอยู่ทางภาคกลางและภาคตะวันตกของไทย จึงอาจมีนัยยะสำคัญในการแผ่ขยายอำนาจทางการเมืองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แต่ก็มีนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่ง ได้สันนิษฐานว่า เขตภาคกลางและภาคตะวันตกของไทย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอำนาจทางการเมืองของเขมรโบราณ ปราสาทเมืองสิงห์เป็นเพียงการสร้างที่ได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมเขมรเท่านั้น เช่น ในทัศนะของอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ในหนังสือข้อขัดแย้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย และ อาจารย์พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ตีพิมพ์ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม เดือนเมษายน พ.ศ.2530 หลังจากที่ผมได้ท่องเที่ยวที่ปราสาทเมืองสิงห์แล้ว จึงได้เดินไปชมประติมากรรมครุฑหินทรายขนาดใหญ่ ที่ได้นำมาจากโบราณสถานเมืองครุฑ แล้วนำมาตั้งไว้บริเวณลานจอดรถของอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ มีความสูงราว 3 เมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นประติมากรรมครุฑแบบลอยตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ประติมากรรมนี้ไม่มีเศียร จึงน่าจะถูกลักขโมยไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่นำเก็บเข้ามา เมื่อเรามาชมครุฑกันแล้ว ต่อไป เราจะเดินทางไปสู่โบราณสถานเมืองครุฑ ซึ่งเมื่อค้นหาสถานที่บน Google Earth จะพบว่าโบราณสถานนี้… Read More »