วัดขนอนใต้ พระพุทธบาทสี่รอยใหญ่ที่สุดในไทย

https://youtu.be/IhCAR3h6_yo วัดขนอนใต้ พระนครศรีอยุธยา พระพุทธบาทสี่รอยใหญ่ที่สุดในไทย… สวัสดีครับท่านที่รักการท่องเที่ยวทาวัฒนธรรม ก่อนหน้านี้ผมได้เขียนบทความ วัดขนอนเหนือ ไปแล้วว่ามีตำนานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร ในบริเวณด่านเก็บอากรในสมัยอยุธยา ผมจึงจะพาเที่ยววัดขนอนใต้ ซึ่งอยู่ใกล้กันอีกวัดหนึ่ง และมีตำนานว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นจากเครือญาติของพระสีหนาถเดโช ผู้สร้างวัดขนอนเหนือนั่นเอง วัดขนอนใต้มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่าง ได้แก่ ค้างคาวแม่ไก่ที่อาศัยอยู่ในวัดจำนวนมาก, พระเกจิในอดีต (หลวงปู่สาย), และพระพุทธบาทสี่รอยจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผมเดินทางมาถึงวัดขนอนใต้ มีบรรยากาศที่ดีมากๆครับ เห็นบ้านเรือนริมคลองโพธิ์เหมือนแถบชนบท ที่วิหารจตุรมุขประดิษฐานหลวงพ่อขาว และรูปหล่อหลวงพ่อสาย อดีตเจ้าอาวาส และเป็นพระเกจิที่ร่ำเรียนวิชามาจากหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยา เรื่องราวการสร้างพระพุทธบาทสี่รอย เกิดขึ้นจากเมื่อครั้งพระสงฆ์จากวัดขนอนใต้จำนวน 27 รูป นำโดยพระอาจารย์ตาบ ได้ออกธุดงค์ไปทางเหนือ เพื่อจำลองรอยพระพุทธบาทสี่รอย ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และกลับมายังวัดขนอนใต้ ราวปี พ.ศ.2448 และทำการหล่อรอยพระพุทธบาทแล้วเสร็จใน ปี พ.ศ.2450 โดยมีความยาวประมาณ 11 ศอก 1 คืบ, กว้าง 4 ศอก 1 คืบ เมื่อเดินไปบริเวณหลังวิหารจะเห็นค้างคาวแม่ไก่เป็นจำนวนมาก ส่งเสียงร้องไปทั่วบริเวณ เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชม และมีประวัติว่าในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสมาชมค้างคาวแม่ไก่ ที่วัดขนอนใต้อีกด้วย ในปีพุทธศักราช ๒๔๓๒ ในหลวงรัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จพระราชดำเนินมาชมค้างคาวแม่ไก่ที่วัดขนอนใต้ แจ้งในจดหมายเหตุกล่าวไว้ในพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วัน ๗ฯ ๑๒ ค่ำ… Read More »

วัดขนอนเหนือ ด่านอากรสมัยอยุธยา จิตรกรรมโบราณ หลวงพ่อพรหมเกจิดัง

https://youtu.be/X7HxR7yOBNo วัดขนอนเหนือ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ด่านอากรสมัยอยุธยาและหลวงพ่อพรหมพระเกจิดังในอดีต… สวัสดีครับท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวยังวัดขนอนเหนือ ที่มีตำนานเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ว่าเคยเป็นด่านขนอนหรือด่านภาษีอากรทางน้ำในสมัยอยุธยา(คลองโพธิ์) มีภาพจิตรกรรมโบราณในอุโบสถและเรื่องราวของพระเกจิชื่อดังในอดีต “หลวงพ่อพรหม ติสสเทโว” เคยจำพรรษาที่นี่  ตำนานกล่าวว่า วัดขนอนเหนือได้สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยนายประทุมซึ่งมีตำแหน่งพระยาสีหราชเดโช เป็นผู้สร้างวัดและมีชื่อว่า “วัดประทุมสิงขร” ต่อมาเรียกชื่อ “วัดขนอนเหนือ” ในภายหลัง นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภายในอุโบสถยังพบกับความสวยงามของจิตรกรรมโบราณ แม้จะมีบางส่วนที่เสียหายจากความชื้นอยู่บ้าง จิตรกรรมหลังพระประธานเป็นภาพเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวึงส์ และปราสาทต่างๆบนสวรรค์ ช่องว่างระหว่างประตูเขียนภาพพระมาลัยโบรดสัตว์นรก ผนังด้านหน้าพระประธานเขียนภาพพระพุทธเจ้าชนะมาร ส่วนผนังด้านข้างทั้งสองตอนบนจะเขียนภาพวิทยาธรและเทพชุมนุมนั่งประนมมือไปทางพระประธาน ถัดลงมาเป็นภาพพุทธประวัติ ภาพจิตรกรรมสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ภาพจิตรกรรมด้านล่างมีความเสียหายไปเป็นแนวทั้งแถบ ที่เกิดจากความชื้นเป็นที่น่าเสียดายมากครับ… ซึ่งน่าจะเกิดจากบริเวณรอบอุโบสถมีการเทปูนซีเมนต์และปูกระเบื้อง ทำให้ความชื้นไม่มีช่องระบายจนประทุออกมาที่ผนังอุโบสถและทำให้ภาพจิตรกรรมเกิดความเสียหายได้ นอกจากภาพจิตรกรรมที่มีคุณค่าภายในอุโบสถแล้ว ที่วัดขนอนเหนือยังมีเรื่องราวของพระเกจิชื่อดังในอดีตคือ “หลวงพ่อพรหม ติสสเทโว” ซึ่งสืบทอดสายวิชาสายวัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา หลวงพ่อพรหมสมัยเด็ก ร่ำเรียนที่โรงเรียนวัดขนอนเหนือ และก็ร่ำเรียนวิทยาคมจากบิดาเพราะว่าบิดาของท่านเป็นศิษย์ของขรัวตาแสง วัดน้อยทองอยู่ กรุงเทพฯ (หลวงตาแสงสืบทอดวิชาจากวัดประดู่ทรงธรรม) ทำให้หลวงพ่อพรหมแรกเริ่มได้ร่ำเรียนวิชาสายวัดประดู่ทรงธรรมจากบิดานั่นเอง หลวงพ่อพรหม ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่  20  ตุลาคม  พ.ศ. 2456 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 11  ปีฉลู  อุปสมบทในเดือน 6  ตรงกับปี พ.ศ. 2479  อายุ 23 ปี    พระครูสารกิจ(ฟัก)… Read More »

วัดสุทธาวาส วิหารพระพุทธบาทและพระพุทธฉายเก่าแก่ที่สิงห์บุรี

https://youtu.be/_EoI77rpSls วัดสุทธาวาส สิงห์บุรี มีโบราณสถานที่น่าสนใจได้แก่ อาคารที่ประกอบด้วยประติมากรรมพระพุทธฉาย ภายในมีประติมากรรมปางถวายพระเพลิงและวิหารพระพุทธบาท  สวัสดีครับท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังจังหวัดสิงห์บุรี ที่มีโบราณสถานน่าสนใจรวมถึงภาพจิตรกรรมโบราณให้ได้ศึกษา นั่นก็คือ วัดสุทธาวาส วัดสุทธาวาส ตั้งอยู่ที่ ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี การเดินทางสะดวกมากครับ สามารถใช้ GPS นำทางได้ และก็เช่นเดิม บรรยากาศภายในวัดเงียบสงบ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าวัดจะเห็นอาคารโบราณสถานตั้งอยู่อย่างชัดเจนครับ ภายในอาคารโบราณสถานนี้ มีประติมากรรมปางถวายพระเพลิง (คล้ายกับที่วัดกลาง นครหลวง) ซึ่งวันที่ผมเดินทางไปชมนั้นมองไม่เห็นถึงประติมากรรมนี้ได้ชัดเจนนัก เพราะมีหญ้าขึ้นรก จึงได้ค้นหาภาพเก่าของอาจารย์ปฏิพัฒน์ พุ่มพงษ์แพทย์ ที่ได้มาสำรวจก่อนแล้วเมื่อปี พ.ศ.2541 ลักษณะจะเป็นโลงพระพุทธเจ้ามีพระบาทยื่นออกมา และพระมหากัสสปะเถระประคองอัญชลีที่พระบาท ภายในอาคารยังพบซากพระพุทธรูปหินทรายและปูนปั้นอยู่บางส่วน หลังจากชมอาคารโบราณสถานหน้าวัดแล้ว จุดต่อไป เราจะไปชมวิหารพระพุทธบาทภายในวัดกันครับ ภายในวิหารพระพุทธบาท มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวในพุทธประวัติตั้งแต่เสด็จหนีจากพระราชวังเพื่อออกผนวช จนกระทั่งการถวายพระเพลิง สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาบที่ 5 ด้านหน้าทางเข้าวิหารพระพุทธบาท มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยและปางป่าเลไลยก์ที่ชำรุดไปมากแล้ว ภาพจิตรกรรมจะมีสอดแทรกธรรมเนียมร่วมสมัยประกอบในพุทธประวัติ เช่นในภาพเสด็จหนีออกผนวช มีภาพธงช้างเผือกเป็นต้น  ภาพจิตรกรรมผนังฝั่งขวา จะเป็นภาพอธิบายพุทธประวัติหลังปรินิพพาน ซึ่งสอดแทรกธรรมเนียมร่วมสมัย มีกระบวนแห่พระบรมศพ, การถวายพระเพลิง และโทณะพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ จิตรกรรมด้านบนทางเข้า จะเป็นภาพพระมาลัยบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กำลังสนทนากับพระอินทร์ มีพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์เป็นเจดีย์ประธาน หลังจากเที่ยวชมและเก็บภาพจิตรกรรมภายในวิหารพระพุทธบาทแล้ว จึงได้ออกเดินชมพื้นที่ภายในวัดครับ เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความประทับใจเกี่ยวกับภาพจิตรกรรม ซึ่งแม้ไม่เก่ามากแต่สัมผัสได้ถึงความสวยงามควรค่าแก่การอนุรักษ์ จึงขอแนะนำให้ทุกท่านลองไปเก็บภาพเที่ยวชมกันครับ ขอขอบคุณการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไป สวัสดีครับ…แอดมินตั้ม ช่องทางการติดตาม ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook… Read More »

วัดชมภูเวก จิตรกรรมพระแม่ธรณีงามที่สุดในไทย

https://youtu.be/RMg3KXaBmu0 วัดชมภูเวก นนทบุรี วัดที่ชาวมอญอพยพได้สร้างและกล่าวกันว่ามีจิตรกรรมแม่ธรณีงามที่สุดในไทย… สวัสดีครับท่านผู้รักการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านเที่ยวชมวัดแห่งหนึ่งในนนทบุรี ซึ่งพบว่ามีอัตลักษณ์รูปแบบของความเป็นมอญอยู่ที่วัดแห่งนี้ นั่นคือ “วัดชมภูเวก”  วัดชมภูเวก ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี มีรูปแบบความเป็นมอญปรากฏให้เห็นชัดเจนคือ ลักษณะของเจดีย์ทรงมอญที่เรียกว่า พระธาตุมุเตา จำลองแบบมาจากหงสาวดี จากประวัติในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่มที่ 2 กล่าวว่า วัดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2300 (อยุธยาตอนปลาย) โดยผู้สร้างเป็นกลุ่มชาวมอญที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและสร้างเจดีย์มุเตาขึ้นบนเนินอิฐ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาจากเมืองมอญ เรียกวัดนี้ว่า “วัดชมภูเวก” ซึ่งแปลว่า “ขอสรรเสริญบริเวณที่เป็นเนินสูงมีความสงบเงียบ” ในหนังสือประวัติวัดชมภูเวก เรียบเรียงโดยนายวีระโชติ ปั้นทอง ได้กล่าวว่า วัดสร้างขึ้นโดยชาวมอญกลุ่มหนึ่งที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และพบว่าบริเวณเนินดินเป็นเนินโบราณสถาน จึงพร้อมใจกันสร้างพระธาตุมุเตาเพื่อกราบไหว้บูชา และให้ชื่อว่า วัดชมภูเวก โดยมีมูลเหตุ อาจจะตั้งชื่อตามผู้นำในการสร้าง คือ พ่อปู่ศรีชมภู หรืออาจจะตั้งตามลักษณะภูมิประเทศที่มีต้นหว้าขึ้นอยู่มากมาย ซึ่งต้นหว้าตามภาษาบาลีใช้คำว่า ชมพู พระธาตุมุเตา เป็นเจดีย์ทรงมอญที่จำลองแบบมาจากพระธาตุมุเตา เมืองหงสาวดี มีจารึกแผ่นหินอ่อนไว้ว่า “พระธาตุมุ๊ตาว” พระธาตุมุ๊ตาวที่วัดชมภูเวกพวกชาวมอญได้อพยพเข้ามาจากกรุงหงสาวดี รามัญประเทศ ได้สร้างพระเจดีย์เหมือนพระธาตุมุ๊ตาว ราวพุทธศักราช ๒๒๒๕ เพื่อให้สาธุชนได้เคารพกราบไหว้บูชา พระธาตุมุเตา สร้างครั้งแรกไม่ใหญ่มากนัก จนถึงปี พ.ศ.2485 มีพระครูลัยได้นำคณะสงฆ์จากเมืองมอญมาก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมกับสร้างเจดีย์ขนาดเล็กอีก 4 องค์ ไว้แต่ละมุมของพระธาตุมุเตา การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2460 และมีการบูรณะอีกครั้งในปี… Read More »

วัดธรรมมงคล หลวงพ่อวิริยังค์ พระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น

https://youtu.be/JcNqMU9VtOg หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้ก่อตั้งวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ผู้เป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น นานถึง 4 ปี … สวัสดีครับ ท่านผู้รักการท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธา ถ้าจะกล่าวถึงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่ขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาหลังยุคกึ่งพุทธกาลอย่างแท้จริง หลวงปู่มั่นได้เผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจนมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และหนึ่งในนั้นคือ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและได้อุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอย่างใกล้ชิดนานถึง 4 ปี ย่อมได้รับข้อธรรมอันแสนวิเศษจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายป่าอย่างชัดเจนแน่นอน ปัจจุบัน(พ.ศ.2562) หลวงพ่อวิริยังค์มีอายุ 99 ปี ถือได้ว่าเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นเพียงรูปเดียวที่ยังทรงขันธ์อยู่ เรื่องราวของหลวงพ่อวิริยังค์ก่อนที่จะเข้าสู่วงศ์พระพุทธศาสนานั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 13 ปี เพราะตามเพื่อนไปนั่งสมาธิจนเกิดอัศจรรย์ทางจิต และต่อมาท่านได้บวชหนักถึงขั้นจะเป็นอัมพาต ขยับตัวไม่ได้ ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานถ้าหายจากอาการป่วยจะอุทิศชีวิตให้แก่พระพุทธศาสนา และก็เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์อีกเช่นกัน เมื่อท่านหายป่วยจึงบรรพชาและบวชเป็นพระสงฆ์ติดตามหลวงปู่กงมา จิรปุญโญนานถึง 8 ปี และอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอีก 4 ปี จึงได้รับข้อธรรมที่ถูกต้องจากครูบาอาจารย์อย่างใกล้ชิด หลวงพ่อวิริยังค์อุทิศตนแก่พระพุทธศาสนามาโดยตลอดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสอนสมาธิตามแนวทางหลวงปู่มั่นจนถึงปัจจุบัน ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องราวของหลวงพ่อ คงใช้เวลาเขียนอีกมากมาย แต่วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังวัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้ดำริให้สร้างขึ้น วัดธรรมมงคล เดิมมีชื่อว่า วัดป่าสะแก เพราะบริเวณวัดในอดีตมีต้นสะแกอยู่มาก มูลเหตุการณ์สร้างวัด เนื่องมาจากคหบดีเจ้าของที่ดินคือ นายเถาและนางบุญมา อยู่ประเทศ มีความประสงค์จะถวายที่ดินแก่พระสงฆ์ จนมาพบกับหลวงพ่อวิริยังค์ที่มาปักกลดบริเวณป่าสะแก มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามากจึงเดินทางมาทำบุญกันมากมาย ทั้งมาปฏิบัติด้วยจนมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน นายเถาและนางบุญมา จึงเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ความเจริญของสถานที่ได้ดำเนินไปตามกาลเวลา ต่อมาได้ตั้งชื่อวัดอย่างเป็นทางการว่า “วัดธรรมมงคล… Read More »

วัดใหญ่เทพนิมิตร ชุมชนลาวอพยพลุ่มน้ำป่าสัก

https://youtu.be/6VktiBahWqw วัดใหญ่เทพนิมิตร ชุมชนลาวอพยพลุ่มน้ำป่าสัก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา… สวัสดีครับท่านที่รักการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เนื่องด้วยผมได้เห็นภาพวัดแห่งหนึ่งจากการเผยแพร่ของวารสารเมืองโบราณ เป็นภาพพระธาตุเจดีย์มีลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนม แต่อยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินทางไปเที่ยวชมวัดแห่งนั้น วัดที่ผมจะพาไปชมคือ วัดใหญ่เทพนิมิตร ต.สามไถ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จุดเด่นคือพระธาตุเจดีย์ที่พบแถบทางอีสานและลาว ซึ่งสอดคล้องตามเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ว่า ในสมัยกรุงธนบุรีจนถึงรัชกาลที่ 3 ได้มีการทำศึกสงครามและกวาดต้อนชาวลาวอพยพเข้ามาแถบลุ่มแม่น้ำป่าสักจำนวนมาก รูปแบบพระธาตุเจดีย์ที่นี่คล้ายกับพระธาตุพนม และส่วนตัวผมมีความศรัทธาพระธาตุพนมเป็นอย่างมาก จึงได้เดินทางไปกราบสักการะ วัดใหญ่เทพนิมิตรห่างจากตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาไม่ถึง 30 กิโลเมตร การเดินทางสะดวกตลอดเส้นทางครับ บรรยากาศที่วัดจะค่อนข้างเงียบ มีพื้นที่ติดกับโรงเรียนวัดใหญ่ ดูเผินๆ เหมือนสัมผัสบรรยากาศแถบอีสานบ้านเกิดผมครับ จากอัตลักษณ์รูปแบบลาวในวัดแห่งนี้ สอดคล้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มคนลาวอพยพที่มีบันทึกในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชพงศาวดาร กล่าวว่า ในสมัยกรุงธนบุรีเกิดความขัดแย้งในอาณาจักรล้านช้าง พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงรับสั่งให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์คุมกองกำลังไปยึดนครเวียงจันทน์และกวาดต้อนชาวลาวเข้านับหมื่นคนมาแถบลุ่มน้ำป่าสัก ในสมัยรัชกาลที่ 1 หลวงเทพหริรักษ์ได้คุมกองกำลังกับหัวเมืองเหนือขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงแสนจนเป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ.2347 และได้กวาดต้อนชาวลาว(ลาวยวน) เข้ามาแถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก จนกระทั่งช่วงรัชกาลที่ 3 มีสงครามกับนครเวียงจันทน์จึงมีการกวาดต้อนชาวลาวมาเช่นกัน ระฆังไม้ หรือที่เรียกว่า โปง จะพบตามวัดแถบอีสานเป็นจำนวนมาก ในอุโบสถจะมีจิตรกรรมซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภาพจิตกรรมมีความเลือนลางหายไปหลายส่วน ด้านข้างอุโบสถ จะเป็นภาพจิตรกรรม 4 แถว โดยแบ่งเป็น แถวบนสุดจะเป็นภาพพระพรหม, แถวที่สองและสาม จะเป็นภาพเทพชุมนุม นางอัปสร และเหล่ายักษ์นั่งประนมหันหน้าไปยังพระประธาน, แถวล่างสุดเป็นเรื่องราวของรามเกียรติ์ ส่วนด้านหลังพระประธาน เป็นภาพสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีพระมาลัยกำลังสนทนากับพระอินทร์และมีภาพจุฬามณีมหาเจดีย์ สันนิษฐานว่าจิตรกรรมเขียนขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น หลังจากชมความงามบริเวณรอบอุโบสถกันแล้ว ผมจึงเดินไปยังริมแม่น้ำป่าสัก เพื่อเก็บบรรยากาศท้องถิ่น บรรยากาศโดยรวมที่วัดใหญ่เทพนิมิตร… Read More »