หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้ก่อตั้งวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ผู้เป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น นานถึง 4 ปี … สวัสดีครับ ท่านผู้รักการท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธา ถ้าจะกล่าวถึงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่ขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาหลังยุคกึ่งพุทธกาลอย่างแท้จริง หลวงปู่มั่นได้เผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจนมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
และหนึ่งในนั้นคือ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและได้อุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอย่างใกล้ชิดนานถึง 4 ปี ย่อมได้รับข้อธรรมอันแสนวิเศษจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายป่าอย่างชัดเจนแน่นอน
ปัจจุบัน(พ.ศ.2562) หลวงพ่อวิริยังค์มีอายุ 99 ปี ถือได้ว่าเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นเพียงรูปเดียวที่ยังทรงขันธ์อยู่
เรื่องราวของหลวงพ่อวิริยังค์ก่อนที่จะเข้าสู่วงศ์พระพุทธศาสนานั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 13 ปี เพราะตามเพื่อนไปนั่งสมาธิจนเกิดอัศจรรย์ทางจิต และต่อมาท่านได้บวชหนักถึงขั้นจะเป็นอัมพาต ขยับตัวไม่ได้ ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานถ้าหายจากอาการป่วยจะอุทิศชีวิตให้แก่พระพุทธศาสนา และก็เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์อีกเช่นกัน เมื่อท่านหายป่วยจึงบรรพชาและบวชเป็นพระสงฆ์ติดตามหลวงปู่กงมา จิรปุญโญนานถึง 8 ปี และอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอีก 4 ปี จึงได้รับข้อธรรมที่ถูกต้องจากครูบาอาจารย์อย่างใกล้ชิด
หลวงพ่อวิริยังค์อุทิศตนแก่พระพุทธศาสนามาโดยตลอดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสอนสมาธิตามแนวทางหลวงปู่มั่นจนถึงปัจจุบัน
ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องราวของหลวงพ่อ คงใช้เวลาเขียนอีกมากมาย แต่วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังวัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้ดำริให้สร้างขึ้น
วัดธรรมมงคล เดิมมีชื่อว่า วัดป่าสะแก เพราะบริเวณวัดในอดีตมีต้นสะแกอยู่มาก
มูลเหตุการณ์สร้างวัด เนื่องมาจากคหบดีเจ้าของที่ดินคือ นายเถาและนางบุญมา อยู่ประเทศ มีความประสงค์จะถวายที่ดินแก่พระสงฆ์ จนมาพบกับหลวงพ่อวิริยังค์ที่มาปักกลดบริเวณป่าสะแก มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามากจึงเดินทางมาทำบุญกันมากมาย ทั้งมาปฏิบัติด้วยจนมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน
นายเถาและนางบุญมา จึงเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ความเจริญของสถานที่ได้ดำเนินไปตามกาลเวลา ต่อมาได้ตั้งชื่อวัดอย่างเป็นทางการว่า “วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506
ภายในวัดมีสถานที่สำคัญมากมาย ซึ่งผมจะพาทุกท่านไปชมกันเลยครับ
มูลเหตุการสร้างมหาเจดีย์ เกิดจากหลวงพ่อวิริยังค์ ได้ตั้งสัจจาธิษฐานต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดโคตะมะวิหาร จังหวัดจิตตกอง ปนะเทศบังคลาเทศว่า หากได้รับพระบรมสารีริกธาตุครบ 5 องค์ จะสร้างพระมหาเจดีย์เพื่อประดิษฐาน
พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ ศรีรัตนโกสินทร์สูง 94.78 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมจำลองแบบมาจากพุทธคยา
พระพุทธรูป ภ.ป.ร.(หลวงพ่อองค์ดำ) ประดิษฐานในวิหารชั้น 2 ในพระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปปางปรานพร สร้างจากเนื้อโลหะทองสัมฤทธิ์
ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จทรงเททองหล่อ ณ วัดธรรมมงคล เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2519 เวลา 16.49 น. เป็นวันเดียวกันกับทรงวางศิลาฤกษ์พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์
วิหารหลวงปู่มั่น ตั้งอยู่ที่ลานประทักษิณของพระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์
พระอัฏฐาฬส ประดิษฐานเป็นพระประธานทิศตะวันออกของพระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปปางยืนประทานพร หล่อด้วยทองเหลือง สูง 18 ศอก (อัฐ แปลว่า 8, ฬส แปลว่า 10 ดังนั้น พระอัฏฐาฬสจึงแปลว่า พระสูง 18 ศอก) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2525
หลวงพ่อวิริยังค์ นิมิตเห็นหยกเขียวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ และท่านรอเวลานานถึง 5 ปี จึงค้นพบก้อนหยกนี้ ซึ่งมีน้ำหนักถึง 32 ตัน ที่เมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริทิชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2534 ขุดพบโดยนายจอห์น สกุสเลอร์
หลวงพ่อได้มาเป็นกรรมสิทธิ์และขนส่งทางเรือมาถึงวัดธรรมมงคลเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 และมีการแบ่งหยกออกเป็นสองส่วนเพื่อแกะสลักสร้างพระพุทธรูปและเจ้าแม่กวนอิม และที่เหลือได้นำมาแกะสลักเป็นพระองค์ขนาดเล็กให้สาธุชนได้บูชา
การแกะสลักพระพุทธรูปได้ใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิตาลี ชื่อ นายซีซี่ สมาอิล, ศาสตราจารย์เปาโล เวี้ยกจิและ นายซารีฟ ทัฟฟิก แกะสลักเป็นพระพุทธรูปสูง 2.20 เมตร หน้าตักกว้าง 1.66 เมตร เป็นพระพุทธรูปหยกเขียวขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาในการแกะสลักนานถึง 12 เดือนเพราะเนื้อหยกมีความแข็งมาก และใช้ทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 29,528,200 บาทในการจัดสร้าง
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานนามว่า “พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย” (หลวงพ่อหยก) ประดิษฐาน ณ ชั้นที่ 3 ศาลาพระพุทธมงคลธรรมศรีไทย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2536 เวลา 9.18 น.
เจ้าแม่กวนอิม สร้างจากหยกชิ้นเดียวกันกับหลวงพ่อหยก ใช้ช่างแกะสลักชุดเดียวกัน ใช้เวลาสลักทั้งสิ้น 9 เดือน มีความสูง 2.2 เมตร ประดิษฐานที่ศาลาหลวงพ่อหยกเช่นกัน
พระพุทธสุพิโนภาสศาสดาหรือหลวงพ่อใหญ่ (สุพิ แปลว่างาม, โอภาส แปลว่า แสงสว่าง) สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 8 เมตร สูง 16 เมตร ประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ
หลังจากที่ผมเดินชมสถานที่และกราบพระพุทธรูปสำคัญเรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้เตรียมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประทีปแห่งดวงใจ เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอัตชีวประวัติของหลวงพ่อวิริยังค์และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้บูชา
พิพิธภัณฑ์จะหยุดทุกวันจันทร์ วางแผนเดินทางกันให้ดีนะครับ ถ้าเดินทางวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะต้องโทรจอล่วงหน้า เพราะมีผู้สนใจมาก แต่ผมเดินทางไปในวันธรรมดาคนน้อยดีครับ
เนื่องจากต้องมีการบำรุงสถานที่ จึงมีค่าใช้จ่ายเข้าชม 80 บาทครับ
การเข้าชม ชั้นที่แสดงวีดีทัศน์ (10 – 11) ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปและวีดีโอ ส่วนชั้นที่ 12-14 สามารถถ่ายรูปได้เท่านั้น
ภาพภ่ายบางส่วนในพิพิธภัณฑ์
พระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานบนพระมหาเจดีย์ ประกอบด้วย พระบรมสารีริกธาตุ(กระดูก), พระเกศาธตุ(เส้นผม), พระอุรังคธาตุ(กระดูกหน้าอก)
สำหรับท่านที่สนใจบูชาวัตถุมงคล สามารถไปบูชาได้ที่ “ศาลา ๘๔ ปี พระเทพเจติยาจารย์” มีวัตถุมงคลของหลวงพ่อวิริยังค์ให้บูชาครับ
กล่าวปิดท้าย
ทั้งหมดนี้คือภาพบรรยากาศวัดธรรมมงคล ที่ผมได้นำมาให้รับชมกัน เหนือสิ่งอื่นใดคือพระธรรมคำสอนที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้เสียสละชีวิตของท่านต่อพระพุทธศาสนา เพื่อให้เหล่าสาธุชนเข้าถึงธรรมที่ถูกต้อง ผมจึงขอแนะนำให้ทุกท่านที่แสวงหาความสงบได้เข้ามาศึกษาเรื่องราวของหลวงพ่อวิริยังค์และวัดธรรมมงคล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตของทุกท่านต่อไป
ขอบพระคุณการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปครับ… แอดมินตั้ม
ช่องทางการติดตาม
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจภารกิจเที่ยววัด ได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel FaithThaiStory ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด