Tag Archives: เอเชียทีค

ตามรอยหาสมบัติ วัดพระยาไกร วัดร้างและสาบสูญสู่ศูนย์การค้าเอเชียทีค

หลายท่านคงทราบว่า เอเชียทีค ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพฯ เคยเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่ง ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นั่นก็คือ “วัดพระยาไกร” ปัจจุบันได้กลายเป็นวัดที่สาบสูญ หลงเหลือเพียงชื่อ สถานที่ต่างๆ เช่น แขวงวัดพระยาไกร ชุมชนตลาดเก่าวัดพระยาไกร และสถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ความทรงจำในอดีต ได้สะท้อนให้เห็นที่หน้าสถานีตำรวจ มีการจำลองพระพุทธรูปแบบสุโขทัยที่เคยเป็นพระพุทธรูปสำคัญของวัดพระยาไกรไว้อีกด้วย จากหนังสือถนนเจริญกรุง ได้อธิบายเรื่องราววัดพระยาไกรไว้ว่า มีอีกชื่อหนึ่งคือ “วัดโชตนาราม” ด้วยเหตุที่ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (บุญมา) เป็นผู้สร้าง โดยตั้งใจจะถวายเป็นวัดหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายหลังได้รับพระราชทานราชทินนามที่ “พระยาไกรโกษา” วัดแห่งนี้จึงเรียกอีกชื่อว่า “วัดพระยาไกร” ความรับรู้เรื่องราวในอดีต เกี่ยวกับวัดพระยาไกร ได้สะท้อนความงดงามผ่านพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 5 ซึ่งเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ได้กล่าวในหนังสือราชการตอนหนึ่งว่า “…ส่วนวัดโชตนารามนั้น พระยาไกรผู้สร้างได้ทำเป็นการใหญ่โต ฝีมือประณีต บรรจงเลียนแบบอารามหลวง เหลือที่คนภายหลังจะซ่อมรักษาไว้ได้ และอยู่ในหมู่การค้าของคนต่างประเทศด้วย…”  พระยาอนุมานราชธน ได้กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของวัดพระยาไกรว่า “… วัดนี้ขณะยังไม่ร้าง มีโบสถ์สูงตระหง่านกว่าวัดอื่นๆ ในละแวกนั้น เรือที่ผ่านตามลำน้ำเจ้าพระยามาย่านนี้ จะเห็นหลังคาโบสถ์มาแต่ไกล…” ทุกสรรพสิ่ง ไม่มีอะไรคงทนถาวร และวัดพระยาไกรก็เช่นกัน ภายหลังที่ผู้สร้างวัดถึงแก่กรรม ก็ไม่มีทายาทที่พอจะมีกำลังในการดูแลรักษา ประกอบกับวัดยังไม่ได้รับเข้าเป็นพระอารามหลวง เมื่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จึงทรุดโทรมหนัก และมีกรณีพิพาทเกี่ยวกับที่ดินหลวงอีกด้วย จนกระทั่งปี 2440 ทางราชการจึงให้สิทธิ์เช่าพื้นที่วัดพระยาไกร แก่บริษัทอีสต์ เอเชียติค… Read More »

วัดพระยาไกร วัดที่สาบสูญเป็นศูนย์การค้าเอเชียทีคในกรุงเทพฯ

  วัดพระยาไกร วัดที่สาบสูญ จากวัดกลายเป็นวัดร้างและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เอเชียทีคในกรุงเทพฯ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวยังเอเชียทีค ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในย่านถนนเจริญกรุง มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากันมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ด้วยบรรยากาศติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีความทันสมัย จึงมีความคึกคักของนักท่องเที่ยวอย่างมาก เมื่อผมได้เดินทางไปถึงก็ได้ไปสะดุดตากับอาคารไม้เก่าหลังหนึ่งในเขตศูนย์การค้า จากป้ายเขียนไว้ว่าสร้างในปี ค.ศ. 1912 หรือ พ.ศ.2455 ซึ่งมีอายุเกิน 100 ปี มีความโดดเด่นในย่านธุรกิจ ผมจึงได้ลองค้นหาข้อมูล จึงได้พบว่าอาคารหลังนี้เป็นทรัพย์สินของ บริษัทอีสท์ เอเชียติก จำกัด แห่งประเทศเดนมาร์ก ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงเลื่อย แต่ความน่าสนใจไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เพราะก่อนที่จะมาเป็นโรงเลื่อย พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นวัดมาก่อน จนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นโรงเลื่อย และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ก็คือเอเชียทีค วัดพระยาไกร วัดที่สาบสูญ คำว่าวัดพระยาไกร ทำให้ผมนึกไปถึงพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม เพราะแต่เดิมพระทองคำองค์ดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปที่มีปูนปั้นทับไว้ ทำให้ไม่มีผู้ใดทราบว่าคือพระพุทธรูปทองคำ จนกระทั่งได้ทำการอัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่วัดไตรมิตรวิทยาราม จนเกิดการกระเทาะของปูนเผยให้เห็นความล้ำค้าด้านในองค์พระ สามารถเอ่านเพิ่มเติมจากบทความนี้ >> https://www.faiththaistory.com/precious-buddha เมื่อผมได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น จึงเกิดความสนใจในเรื่องราวนี้ขึ้นมา จึงได้ลองค้นหาข้อมูลจากหนังสือ “วัดร้างในบางกอก”  โดย ผศ.ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร ได้เขียนรายละเอียดไว้ได้อย่างน่าสนใจ  ในหนังสือได้เขียนว่า ที่ตั้งของวัดพระยาไกรจากแผนที่ ฉบับเก่าๆ ระบุว่าตั้งลงไปทางทิศใต้ของวัดราชสิงขรเล็กน้อย และวัดลาดบัวขาวขึ้นมาทางเหนือตามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือปัจจุบันคือถนนเจริญกรุงตอนล่าง ยังมีสถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกรและป้ายชุมชนที่มีชื่อวัดเป็นหลักฐาน จากสารานุกรมเสรี ได้เขียนว่า วัดพระยาไกร เป็นชื่อเดิมของวัดโชตนาราม และมีหลักฐานว่าสร้างก่อน พ.ศ. 2344 จนกระทั่งมีพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (บุญมา)… Read More »

วัดราชสิงขร กรุงเทพฯ ตำนานหลวงพ่อแดงศักดิ์สิทธิ์

https://youtu.be/WWdnC9DkkNQ วัดราชสิงขร กรุงเทพฯ ตำนานหลวงพ่อแดงศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปเก่าแก่จากกรุงศรีอยุธยา… สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวชมวัดราชสิงขร พระอารามหลวง ซึ่งเป็นวัดเล็กๆบนถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ วัดแห่งนี้ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถเดินทางโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ซึ่งมาสุดสถานี้ที่ท่าน้ำนี้ การเดินทางครั้งนี้ ผมไม่ได้วางแผนไว้ เนื่องจากจุดประสงค์จริงคือมาเที่ยวที่เอเชียทีค จึงเห็นว่าวัดราชสิงขรอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน จึงแวะถ่ายรูปนำเรื่องราวมาแบ่งปันครับ เรื่องราวประวัติวัดราชสิงขร ไม่พบหลักฐานการบันทึกว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย และมีเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ ที่ชาวบ้านขนานนามว่า “หลวงพ่อแดง” ประวัติพระพุทธรูปสำคัญประจำวัด เล่าขานกันว่าการนำพระพุทธรูปที่ตนเลื่อมใสหลบหนีออกจากสถานที่ๆไม่ปลอดภัย ในภาวะสงคราม ต้องทำกันโดยการผูกแพแล้วนำพระพุทธรูปนอนบนแพ มัดจนแน่นหนาด้วยหวายแล้วคว่ำแพให้องค์พระพุทธรูปอยู่ในน้ำ เพื่อเป็นการอำพรางทั้งข้าศึกศัตรูและผู้คนทั่วไป ตำนานเล่าว่า หลวงพ่อแดงถูกชะลอมาจากกรุงศรีอยุธยา ทางแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนการเสียกรุง ขณะล่องแพมาใกล้ท่าน้ำวัดราชสิงขร ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก  ทำให้ควบคุมแพลำบาก แพเกิดเสียหลักและกระแทกฝั่งจนแตกทำให้หลวงพ่อแดงจมลงฝั่งตรงข้ามกับวัดราชสิงขร จนกระทั่งถึงฤดูแล้ง น้ำลด ชาวบ้านจึงช่วยกันนำหลวงพ่อขึ้นจากน้ำ อัญเชิญขึ้นมาสู่วัดราชสิงขร ประดิษฐานไว้กลางแจ้ง เมื่อทำความสะอาดองค์พระ เกิดสนิมแดงขึ้นจับทั้งองค์ ชาวบ้านจึงขนาดนามว่าหลวงพ่อแดง และมีคำร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้มาสักการะขอพรได้สมปรารถนา หลวงพ่อแดงเป็นพระพุทธรูปเนื้อสำริดผสมทองคำ ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2.10 เมตร ความสูงวัดจากฐานองค์พระถึงยอดพระเกศ 2.90 เมตร ศิลปะแบบอยุธยามีอิทธิพลศิลปะสุโขทัย จึงขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อพระพุทธสุโขทัย” กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระองค์ทรงใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเส้นทางไปจากกรุงธนบุรีและกรุงศรีอยุธยาผ่านท่าน้ำวัดราชสิงขรสู่ปากน้ำ แล้วสามารถเดินทางต่อไปยังหัวเมืองต่างๆ จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าตีแตก ในปี พ.ศ.2310 กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทพร้อมทหารหนีพม่า มาขึ้นที่ท่าน้ำวัดราชสิงขรได้โดยปลอดภัยจึงเสด็จขึ้นนมัสการหลวงพ่อแดง ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดให้สร้างอุโบสถวัดคอกควาย (วัดยานนาวา) กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงทรงโปรดให้ช่างวังหน้ามาสร้างอุโบสถวัดราชสิงขร… Read More »