วันนี้ผมจะมาเขียนบันทึกเรื่องราวที่ทำให้ผมได้ตื้นตันใจอีกครั้งหนึ่งในชีวิต เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2558 ตรงกับวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของผมด้วย ผมได้เตรียมตัวเดินทางเพื่อจะไปทำบุญตักบาตรกับหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ปัจจุบันท่านเป็นครูสอนสมาธิแก่พระสงฆ์ทั่วโลก แม้ท่านจะมีอายุถึง 95 ปี แล้วก็ตาม
ผมได้ทราบเรื่องราวของหลวงพ่อวิริยังค์ เมื่อเร็วๆมานี้ จากการฟังธรรมและมีการกล่าวเรื่องราวของหลวงพ่อวิริยังค์ว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามแนวทางของพระพุทธเจ้า เมื่อผมได้ทราบเรื่องราวนี้ ผมจึงได้เริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหลวงพ่อ โดยทันที จนทราบว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ผมจะต้องเดินทางไปยังวัดแห่งนี้ให้ได้
ผมได้เดินทางไปยังวัดธรรมมงคล เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2558 สถานที่ตั้งเดินทางสะดวก เดินทางด้วย BTS จากสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิลงที่สถานีปุณณวิถี โดยลงฝั่งซ้าย แล้วนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างเข้าไป แต่ผมไม่ได้พบหลวงพ่อวิริยังค์ นะครับ แค่มาดูวัดของหลวงพ่อเท่านั้น อีกทั้งหลวงพ่อ ท่านก็มีภาระกิจมากมายคงพบท่านได้ยาก ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ผมกลับจากการเดินทางไปยังวัดธรรมมงคลแล้ว ผมก็ได้คิดอยู่ในใจว่า จะต้องหาโอกาสเดินทางเพื่อได้พบหลวงพ่อองค์จริงให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ขอแค่ให้ได้เจอกับองค์จริงก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผมแล้วครับ
หลังจากนั้นผมได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการอบรมสมาธิของหลวงพ่อ ในหลักสูตรคุรุสาสมาธิ 2 จำนวน 49 วัน ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม จังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้งหลวงพ่อได้มีเมตตาแก่สาธุชน โดยจะเดินรับบิณฑบาตรทุกเช้าพร้อมคณะลูกศิษย์ ทั้ง 49 วัน ซึ่งที่ผ่านมานั้น จะมีครั้งนี้ที่หลวงพ่อเมตตาจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้น ผมจึงคิดว่านี่แหละโอกาสมาถึงแล้ว ผมจะต้องไปให้ได้สักวัน…
มูลเหตุความศรัทธาในตัวหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ของผม
เริ่มจากการได้ฟังธรรมกับครูบาอาจารย์ โดยมีการกล่าวถึงหลวงพ่อวิริยังค์ ในเทศนา… ซึ่งแต่เดิมนั้นผมก็เคยได้ยินชื่อท่านมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวและไม่ได้ค้นหาข้อมูล ทราบเพียงว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ในกรุงเทพฯ เท่านั้น… พอผมได้ยินคำว่ากรุงเทพฯ ผมก็คิดว่าเดินทางไปไม่สะดวก เพราะไกลจากที่พักผมมาก ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ… แต่การฟังธรรมครั้งนี้ ทำให้ผมได้ฉุกคิดขึ้นมา จนต้องค้นหาข้อมูลของหลวงพ่อวิริยังค์ ก็ได้ทราบว่าวัดของหลวงพ่อนั้น สามารถเดินทางไปได้สะดวกมาก ไม่จำเป็นจะต้องนำรถส่วนตัวเข้ามาเลยก็ได้ ผมจึงได้เดินทางไปยังวัดธรรมมงคลเลยทันที และในวันนั้นผมได้พบเรื่องราวต่างๆของท่านมากมายที่ท่านได้เสียสละชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา เป็นครูสอนสมาธิ จนกระทั่งปัจจุบันแม้ว่าท่านจะมีอายุมากแล้วก็ตาม เป็นมูลเหตุเบื้องต้น ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เรามัวไปทำอะไรอยู่ ทำไมเพิ่งมารู้จักหลวงพ่อในวันนี้
หลังจากนั้นผมได้เริ่มค้นหาธรรมเทศนาของหลวงพ่อ ก็ยิ่งต้องทึ่งและอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด เพราะธรรมเทศนาของท่านนั้น เป็นการเทศน์ที่เสียงดังชัดเจน ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะมีอายุในเลขหลัก 90 กว่าไปแล้ว อีกทั้งสุขภาพของท่านก็ยังแข็งแรง สามารถเดินรับบิณฑบาตรได้อีกด้วย และนี่คงเป็นสาเหตุของการเป็นครูสมาธิของท่าน จึงทำให้ท่านมีสุขภาพที่ดีเยี่ยมจนทุกวันนี้
เรื่องราวก่อนที่หลวงพ่อจะเข้าสู่เส้นทางพระธรรม ก็ยิ่งเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก โดยหลวงพ่อได้เล่าให้คณะลูกศิษย์ฟังว่าเกิดขึ้นเมื่อครั้งหลวงพ่อมีอายุ 13 ปี ท่านได้เดินทางไปยังวัดกับเพื่อนที่วัดของหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ และท่านได้เข้าสมาธิด้วยความบังเอิญ จนเกิดเหตุอัศจรรย์ หลังจากนั้นชีวิตท่านก็เปลี่ยนจากที่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทำให้แม้ยุงตัวเดียวก็ไม่กล้าที่จะฆ่าเลยทีเดียว
และนี่ก็เป็นมูลเหตุเบื้องต้นที่ทำให้ผมได้เกิดความศรัทธาในตัวหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
พบหลวงพ่อวิริยังค์ ครั้งแรกในชีวิต
ผมได้ทราบเรื่องราวว่าจะมีการอบรมสมาธิ ในหลักสูตรคุรุสาสมาธิ ครั้งที่ 2 จำนวน 49 วัน ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม จังหวัดสมุทรปราการ โดยจะได้รับเมตตาจากหลวงพ่อที่จะเดินรับบิณฑบาตร ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2558 – 10 พฤษภาคม 2558 ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่หลวงพ่อเปิดโอกาสให้ทำมหากุศล จึงเป็นโอกาสที่ผมจะได้พบหลวงพ่อแล้วหล่ะครับ การเดินทางตักบาตรครั้งนี้ผมได้วางแผนไปในวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่ 49 ของการอบรมสมาธิ
อานิสงส์การตักบาตรแก่พระสงฆ์ในช่วงภาวนาสมาธิ
สำหรับอานิสงส์การทำบุญตักบาตรกับพระสงฆ์ที่อยู่ในช่วงปฏิบัติภาวนาสมาธินั้น เกิดผลมากจากเรื่องราวดังนี้
มีเรื่องที่พระธรรมมงคลญาณ หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ท่านเมตตาเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า พระที่ออกจากสมาธิ ต้องการภัตตาหารเพื่อบำรุงธาตุขันธ์ ความจำเป็นของภัตตาหารจึงสำคัญ เมื่อร่างกายไม่สมบูรณ์ ความหิวโหย ความเจ็บป่วยก็ตามมา การขาดอาหารก็เป็นอุปสรรคต่อร่างกายในการทำสมาธิ หลวงพ่อท่านเล่าว่า
ในนิทานชาดก มีพระกลุ่มหนึ่งขอลาพระพุทธเจ้าไปฝึกสมาธิ พระกลุ่มนี้ได้เดินทาง จนไปพบสถานที่เหมาะสม ใกล้หมู่บ้านก็ตกลงว่าจะจำวัดกันแถวที่นี้ จึงแยกกันคนละทิศละทางไปปักกลด ฝึกสมาธิ เมื่อเช้าก็ออกมาบิณฑบาต หมู่บ้านนี้มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้หญิง เมื่อเห็นพระธุดงค์เกิดความเลื่อมใส จึงถามพระสงฆ์ว่าเป็นโยมทำสมาธิได้ไหม พระสงฆ์ท่านว่าได้ นางจึงฝึกปรือนั่งสมาธิ จนสำเร็จชั้น พระอนาคามี จึงใช้ญาณวิเศษดูว่าทำไม คณะสงฆ์ทั้งหลายยังไม่สำเร็จบรรลุธรรม เมื่อเพ่งพิจารณาด้วยญาณแล้ว จึงทราบว่า พระสงฆ์ท่าน ขาดอาหารที่เพียงพอ จึงเกิดความหิวโหย ร่างกายธาตุขันธ์ไม่สมบูรณ์ จึงเป็นอุปสรรคในการทำสมาธิ เป็นอุปสรรคทำให้ไม่สำเร็จบรรลุธรรม นางจึงป่าวประกาศชักชวน ชาวบ้านทุกแห่งหนให้มาร่วมกัน ทำบุญตักบาตร ถวายอาหารในตอนเช้า เมื่อพระสงฆ์ฉันอาหารครบ มีร่างกายสมบูรณ์ดี ธาตุขันธ์ สมบูรณ์ดีแล้ว พระสงฆ์เหล่านั้นจึงได้สำเร็จบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
ดังนั้น การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ที่กำลังปฏิบัติ บำเพ็ญเพียรการ ภาวนา สมาธิ จึงมีอานิสงส์ผลบุญที่สูงมาก จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนมาร่วมกันทำบุญครั้งใหญ่นี้ นอกจากการทำบุญตักบาตร พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ยังให้พุทธศาสนิกชน สวดมนต์อิติปิโส บูชา พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ทำวิทิสาสมาธิ นั่งสมาธิ 5นาที แล้วจึงค่อยแบ่งปันอาหารเช้าไปแบ่งทานกัน ผู้ที่มาทำบุญตักบาตร จึงได้ทำบุญครบ ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ
เนื้อหาจาก : http://www.samathi.com/news-detail.php?actid=122
เดินทางไปตักบาตร วันที่ 9 พฤษภาคม 2558
เนื่องจากกว่าที่พักของผมอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงต้องวางแผนการเดินทางเพื่อให้ไปทันในเวลาตักบาตรให้ถึงราวๆ 06.00 น. ถ้าเดินทางไปช้า อาจจะพบปัญหารถติดหรือหลงทาง ทั้งนี้เป็นการเดินทางไปยังวัดศรีรัตนธรรมารามเป็นครั้งแรกด้วย
ผมได้เข้านอนในคืนวันที่ 8 พฤภาคม 2558 ราวๆ 23.00 น. และตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 04.00 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 โดยเอานาฬิกาตั้งไว้ไกลตัว เพราะเกรงว่าจะเผลอมากดแล้วหลับต่อ จนกระทั่งถึงเวลา 03.56 น. ผมได้รู้สึกตัวก่อนนาฬิกาจะปลุกซะอีกครั้ง จึงได้อาบน้ำแต่งตัวและออกเดินทางทันที โดยออกเดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลา 04.30 น. การเดินทางผมได้ใช้แผนที่ตามรูปด้านล่างนี้
แผนที่วัดศรีรัตนธรรมาราม สมุทรปราการ
ผมเดินทางขึ้นมอเตอร์เวย์ มาลงเข้าเส้นทางไปชลบุรี และขับเลนในตลอดทาง จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ขับไปอีกเล็กน้อยจะพบถนนวัดศรีวารีน้อย เป็นถนนเส้นแรกถัดจากมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ก็เลี้ยวซ้าย ขับไปอีกราวๆ 3 กิโลเมตร ก็จะมองเห็นป้ายวัดศรีรัตนธรรมารามฝั่งขวามือชัดเจน ผมเดินทางมาถึงราวๆ 06.00 น. พอดีเลยครับ เป็นไปตามการวางแผนอย่างดีเยี่ยมเลยงานนี้
รุ่งอรุณที่วัดศรีรัตนธรรมาราม
ในพื้นที่ลานจอดรถ แม้ว่าจะเช้าขนาดนี้ก็มีรถจอดเต็มลานเลยครับ บางคนเดินทางมาถึงตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาฟังการสวดมนต์ทำวัตรเช้าของเหล่าคณะสงฆ์ด้วย บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดไกลๆ ก็มีครับ ส่วนผมเดินทางมาจากพระนครศรีอยุธยา ถือว่า จิ๊บๆไปเลย
บรรยากาศยามเช้าที่วัดศรีรัตนธรรมาราม
นานแล้วครับที่ผมไม่ได้พบกับแสงพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าเช่นนี้ แช่มชื่นหัวใจดีจริงๆ เพราะได้ยินเสียงสวดมนต์ทำวัตรเช้าของคณะสงฆ์ นำสวดโดยหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
ผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมาทำบุญตักบาตร
ถึงพื้นที่การตักบาตร
จุดรับอาหารคาวหวานเพื่อถวายภัตตาหารเช้า
ผู้คนที่เดินทางมาทำบุญตักบาตร จะนำอาหารความหวานมากันมากมาย โดยจะมารวบรวมกันที่จุดวางอาหาร จะมีเหล่าเจ้าหน้าที่คอยจัดเตรียมไว้ถวายแด่พระสงฆ์ โดยผู้ที่ทำบุญตักบาตรส่วนมากจะนำเพียงข้าวสวยไปตักบาตรกันเท่านั้น เพื่อเป็นการสะดวกและรวดเร็ว
ยิ่งใกล้ถึงเวลา ก็มีผู้คนเดินทางมากันมากขึ้น
ผู้มีจิตศรัทธาในงานตักบาตร
สถานที่จัดแด่คณะสงฆ์
ผู้มีจิตศรัทธารอการทำบุญตักบาตร
ลานจัดพิธีปัจฉิมนิเทศแก่คณะสงฆ์
เนื่องจากวันที่ผมเดินทางมาตักบาตรนั้น เป็นวันสุดท้ายของการอบรมสมาธิในวันที่ 49 จึงมีการจัดลานพิธีปัจฉิมนิเทศแก่คณะสงฆ์ ที่จบหลักสูตรการอบรม ซึ่งจะจัดขึ้นในเวลาประมาณ 09.30 น.
หลวงพ่อวิริยังค์เดินนำคณะลูกศิษย์ในการรับบิณฑบาตร
และก็มาถึงเวลาที่เหล่าพุทธศาสนิกชนรอคอย คือการได้ร่วมในพิธีตักบาตแก่หลวงพ่อวิริยังค์และคณะลูกศิษย์ ยังความตื้นตันใจแก่ผู้มาร่วมบุญครั้งนี้อย่างมาก ที่ได้เห็นหลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรง และมีเมตตาในการเดินรับบิณฑบาตรจากทุกคน
ในวันนี้ วันที่ 9 พฤษภาคม 2558 เป็นวันที่ผมตื้นตันใจอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหลวงพ่อวิริยังค์ ได้เห็นท่านเดินรับบิณฑบาตร นำหน้าคณะลูกศิษย์ แม้อากาศจะเริ่มร้อนมากขึ้น แม้แต่ตัวผมเองก็มีความรู้สึกร้อน จนเหงื่อไหลออกมามาก จากแสงแดดที่เริ่มสาดส่องในยามสาย แต่ท่านก็ยังเดินรับบิณฑบาตรจนครบเส้นทาง และยังมีรอยยิ้มให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา ท่านมีอายุมากถึง 95 ปี แต่ท่านก็ยังมีเมตตา เสียสละรักษาสัจจะที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศานา เป็นครูสอนสมาธิด้วยตัวท่านเอง เมื่อผมได้เห็นท่านในวันนี้ และทราบเรื่องราวของท่าน ทำให้ผมแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แม้ขณะที่กำลังพิมพ์เรื่องราวอยู่ในขณะนี้ ผมก็น้ำตาจะไหลออกมาเช่นกัน
ในบรรยากาศนี้ เป็นบรรยากาศที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม ระหว่างการตักบาตรนั้น จะได้ยินเสียงของสาธุชนทั้งหลาย กล่าวพร้อมเพรียงกันว่า “ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง” ตลอดเส้นทาง เป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่า ทุกคนรักและศรัทธาในองค์หลวงพ่อเป็นอย่างมาก
หลวงพ่อเดินรับบิณฑบาตร
หลวงพ่อเดินรับบิณฑบาตร
แม้หลวงพ่อจะอายุมากขนาดนี้ แต่ผมได้มองเห็นถึงเมตตา ของท่านอย่างชัดเจน ท่านมีสมาธิอย่างมาก เดินนำหน้ามีเพียงแขนลูกศิษย์ เพียง 1 รูปที่ท่านจับประคองเพียงเท่านั้น
ผู้ที่มาร่วมตักบาตรต่างเปล่งวาจาพร้อมกันว่า “ขอให้หลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง”
หลวงพ่อเดินรับบิณฑบาตร ตามเส้นทางที่ทุกคนรอคอย
ข้าวที่ผมได้เตรียมไปตักบาตรในวันนี้
เหล่าคณะสงฆ์ลูกศิษย์เดินรับบิณฑบาตร
เมื่อหลวงพ่อเดินรับบิณฑบาตรผ่านไป ก็เป็นการรับบิณฑบาตรของคณะสงฆ์ลูกศิษย์
คณะสงฆ์ลูกศิษย์เดินรับบิณฑบาตร
หลังจากได้ตักบาตรหลวงพ่อแล้ว ผมก็ทำการตักบาตรพระสงฆ์รูปอื่นๆ จนกระทั่งข้าวที่เตรียมมาหมด และก็คอยอนุโมทนา กับท่านอื่นๆ ที่ยังตักบาตรกันไม่แล้วเสร็จ
ระหว่างนั้นหลวงพ่อก็ได้ประกาศเสียงตามสาย อนุโมทนากับเจ้าภาพต่างๆ รวมถึงประกาศชื่อผู้ร่วมทำบุญต่างๆ เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ ทำให้บรรยากาศในวันนี้ล้วนเต็มไปด้วยบุญกุศล ต่างคนก็ต่างยิ้มแย้ม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แม้ว่าคนจะเยอะมากที่มาร่วมงานบุญวันนี้ ก็ไม่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งอะไรกัน
ยอดผู้ร่วมทำบุญโดยประมาณในวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 ประมาณ 11,092 คน
สุดท้ายนี้ผมก็ขอแบ่งบุญกุศล ที่ได้มาร่วมพิธีตักบาตรในวันนี้ให้แก่ทุกท่านด้วยนะครับ
ร่วมอนุโมทนากับเจ้าภาพภัตตาหารและน้ำปานะ ตามลิ้งค์นี้ครับ ===> http://www.samathi.com/news-detail.php?actid=121
วีดีโอในพิธีตักบาตรวันที่ 9 พฤษภาคม 2558
วีดีโออื่นๆ ของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
เสียงสวดบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย อิติปิโส 9 จบ สวดนำโดยหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
บทแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย นำสวดโดยหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
