ตามรอยผงอิทธิเจหรือผงหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดสัมฤทธิ์ ลพบุรี

https://youtu.be/FeUA9JdeqB8 สวัสดีครับกลับมาอีกครั้งกับภารกิจเที่ยววัด สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ซึ่งครั้งนี้เราจะไปตามรอยเรื่องราวของความเชื่อตั้งแต่โบราณในเรื่องของผงอิทธิเจ เมื่อกล่าวถึงผงอิทธิเจ หลายๆคนมักจะต้องกล่าวถึงวัดสัมฤทธิ์ อำเภอท่าวุ้ง ลพบุรี เพราะมีชื่อเสียงโด่งดังมากวัดหนึ่ง เรื่องราวที่ผมค้นคว้ามาก็ทราบเพียงว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ ตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี มีการขุดค้นพบผงอิทธิเจ หรือชาวบ้านแถบนี้และทั่วไปมักจะเรียกว่าผงหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นมวลสารที่เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ผงอิทธิเจ วัดสัมฤทธิ์ หรือที่หลายคนเรียกว่าผงหลวงพ่อสัมฤทธิ์นี้ เชื่อกันว่ามีพุทธคุณศักดิ์สิทธ์ยิ่งนัก มีประสบการณ์ต่างๆมากมาย ตั้งแต่การใช้แก้คุณไสย มีพุทธคุณด้านปกป้กษ์คุ้มครองมากมายทั้งรถยนต์การเดินทาง และแม้แต่ในสนามรบทหารหาญเมืองลพบุรีที่ได้ไปต่างทราบกันดี และพุทธคุณ ที่หลายคนปรารถนาคือ สามารถอธิษฐานขอในสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จสมดังความปราถนาได้ทุกประการ แม้แต่ในพื้นที่วัดสัมฤทธิ์ เวลานี้ มีการเจาะบ่อบาดาลใกล้ๆกับแหล่งที่พบผงอิทธิเจนี้ น้ำที่โยกขึ้นมาก็กลายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาก… เป็นความเชื่อที่กล่าวขานกันมาจนถึงทุกวันนี้ นี่คือข้อมูลเบื้องต้นที่ผมพอจะทราบเรื่องราว จึงไม่รอช้าเดินทางไปยังวัดสัมฤทธิ์ ในวันหยุดสุดสัปดาห์กับการพักผ่อนท่องเที่ยวสบายๆ กับเพื่อนๆในกลุ่ม เมื่อผมมาถึงวัดสัมฤทธิ์ ต้องบอกตามตรงเลยว่า มีสภาพที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเค้าโครงความเก่าแก่ให้เห็นแล้วครับ จุดเด่นที่เห็นคือวิหารหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ที่สร้างขึ้นใหม่ โดยมีการประดิษฐานหลวงพ่อสัมฤทธิ์ไว้ 4 องค์ในวิหารแห่งนี้ ด้านหน้าพระวิหารหลวงพ่อสัมฤทธิ์ จะมีบ่อน้ำแบบคันโยก ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ … บ่อน้ำแห่งนี้ได้รับการขุดเจาะจากกรมโยธาธิการ ซึ่งจากคำบอกเล่าของคนในวัดได้เล่าว่า เมื่อครั้งที่เจาะน้ำขึ้นใช้ มีลักษณะสีขาวจึงเชื่อกันว่ามีมวลสารของผงอิทธิเจผสมอยู่ ชาวบ้านจึงเชื่อว่าน้ำนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นประธานถึง 4 องค์ … จากการสอบถามคนในวัด ได้เล่าให้ผมฟังว่า แต่เดิมนั้นพระพุทธรูปทั้ง 4 องค์มีสภาพที่แตกหักตามการเวลา บางองค์ไม่เศียร ซึ่งค้นพบทั่วบริเวณในพื้นที่ก่อนที่จะสร้างวิหารแห่งนี้ ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงร่วมด้วยช่วยกันทำการบูรณะองค์พระขึ้นมาใหม่ และอัญเชิญประดิษฐานในวิหารแห่งนี้ เพราะฉะนั้นแล้วเนื้อในองค์พระจะเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ครับ ซึ่งคนในวัดเล่าว่าเป็นเนื้อหินทราย นอกจากองค์พระประธานในวิหารแล้ว ภายในวิหารยังมีรูปถ่ายแสดงที่บอกว่าเป็นรูปองค์พระบูชาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ที่ถูกค้นพบที่วัด…… Read More »

เที่ยววัดคูหาสวรรค์ ชมถ้ำโบราณ กราบสังขารหลวงปู่คำมีและหลวงพ่อจุฬ

https://youtu.be/MDo_jIqJZ5M สวัสดีครับ มาต่อกันในภารกิจเที่ยววัด ณ ลพบุรี ทริปแรกของปี พ.ศ. 2559 กันต่อ วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปเที่ยวที่ถ้ำคูหาสวรรค์ ซึ่งเป็นถ้ำโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ในการดูแลของวัดคูหาสวรรค์ จังหวัดลพบุรี วัดคูหาสวรรค์ ลพบุรี นอกจากจะมีความน่าสนใจของถ้ำโบราณแล้ว ก็ยังเป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับพระเกจิดังถึง 2 รูปคือ หลวงปู่คำมี และหลวงพ่อจุฬ ซึ่งปัจจุบันนั้นท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ความอัศจรรย์คือสังขารของท่านทั้ง 2 ไม่เน่าเปื่อยและถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดให้ประชาชนได้เข้ามากราบไหว้บูชา สภาพวัดจะมีความร่มรื่นและมีถ้ำสวยงามมากครับ ผู้คนไม่มาก แต่ก็มีแวะเวียนกันมาทำบุญ ทั้งนี้ภายในถ้ำใหญ่ จะต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสเข้าไป เพราะเป็นถ้ำโบราณ ที่ขึ้นทะเบียนกรมศิลปากรไว้ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ เมื่อเดินทางมาถึงวัด เราจะมองเห็นวิหารหลวงปู่คำมี พุทธสาโรซึ่งภายในจะเก็บรักษาสังขารของหลวงปู่ไว้ด้วย หลวงปู่ได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2524 สิริรวมอายุ 108 ปี เมื่อเราเดินทางจอดรอดเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์ พระอธิการเวียงศักดิ์ ท่านก็ได้เมตตาพาเข้าชมถ้ำใหญ่ ซึ่งภายในเป็นถ้ำโบราณและเก็บรักษาสังขารของหลวงพ่อจุฬ อภินันโทไว้อีกด้วย ทางขึ้นถ้ำ จะมีเทวรูปนารายณ์หลายๆปาง มีหลายกร และจะมีพระขรรค์ตั้งเรียงเป็นแถวขึ้นไป จากข้อมูลทราบว่าหลวงพ่อจุฬ มักจะปลุกเสกวัตถุมงคลเป็นพระขรรค์แจกจ่ายให้ญาติโยม จากนั้นเจ้าอาวาส ก็พาเราเข้าไปในถ้ำ อีกทั้งเมตตาเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมายให้เราได้ฟัง เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำ รู้สึกตื่นตาตื่นใจมากครับ บรรยากาศดูเข้มขลัง มีเทวรูปและพระพุทธรูปมากมายประดิษฐานอยู่ ถ้ำจะมีอยู่ 2 ชั้น แค่ชั้นแรกผมก็เห็นถึงความสวยงามแล้วหล่ะครับ แต่ภายในค่อนข้างมืดเพราะไฟแสงสว่างชำรุดไปหลายจุด ภายในถ้ำจะมีพระพุทธรูปและเทวรูปมากมายเลยครับ… Read More »

เที่ยววัดสัตหีบหรือวัดหลวงพ่ออี๋ ชลบุรี

https://youtu.be/B8ui2eeQ4g8 สวัสดีครับ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปชลบุรี เพื่อไปร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ท้องทะเลไทย โดยการปลูกปะการัง จึงได้ถือโอกาสพิเศษนี้เดินทางไปท่องเที่ยววัดทำบุญ ที่วัดสัตหีบ หรือวัดหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หรือวัดหลวงพ่ออี๋ ตั้งอยู่ที่อำเภอสัตหีบ ชลบุรี เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยอดีตนั้นหลวงพ่ออี๋ พุทธสโร เป็นเจ้าอาวาส และได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านแถบนี้ แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 แต่ความศรัทธาในหลวงพ่ออี๋ก็ยังไม่เสื่อมคลาย และมีการสร้างรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของท่านประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถให้ได้กราบไหว้บูชากันอีกด้วย วันที่ผมเดินทางไปถึงตรงกับงานบุญช่วงตรุษจีนพอดีเลยครับ ก็เลยมีบรรยากาศร้านค้าคึกคัก และก็ไม่สามารถเข้าไปในพระอุโบสถได้เพราะใกล้ช่วงเปิดงาน จึงได้เพียงกราบไหว้บูชาภายนอกและปิดทององค์จำลองที่เป็นองค์เล็กด้านนอก มีร้านค้าเปิดมากมาย แต่ผมก็ไม่ได้แวะช้อปนะครับ เนื่องจากมีเวลาจำกัด จะต้องรีบเดินทางกลับเพราะคราวนี้เดินทางมากันเป็นกลุ่มหลายคน จุดหน้าพระอุโบสถ สามรถที่จะจุดธูปเทียนบูชาหลวงพ่ออี๋ได้ ซึ่งสามารถบริจาคปัจจัยทำบุญได้ตามกำลังศรัทธา ทางวัดได้เปิดให้บูชาวัตถุมงคล เพื่อนำกลับไปบูชาเป็นสิริมงคลในชีวิตด้วยครับ หลังจากกราบไหว้บูชาพระกันแล้ว กลุ่มเราก็ขึ้นไปยังพระเจดีย์ 100 ปี เพื่อชมพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาของโบราณไว้ครับ พระเจดีย์ 100 ปี ภายในจะเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงพ่ออี๋ และประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่สร้างตั้งแต่ปีพ.ศ. 2472 โดยหลวงพ่ออี๋ ผมใช้เวลาภายในวัดไม่นานนัก ก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วหล่ะครับ แม้จะไม่ได้เข้าไปในพระอุโบสถ เนื่องจากมีงานบุญประจำปี แต่ก็ได้เห็นถึงบรรยากาศอันคึกคักของเหล่าผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่ออี๋ ถือได้ว่าวัดแห่งนี้น่าเดินทางแวะทำบุญวัดหนึ่งของชลบุรีเลยหล่ะครับ ประวัติหลวงพ่ออี๋ พุทธสโร พระครูวรเวทมุนี ปรากฏนามเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ๆ ว่า “หลวงพ่ออี๋” เพราะท่านชื่อ อี๋ มาแต่แรก ท่านเป็นบุตรชาย นายขำ นางเอียง ทองขำ เกิดเมื่อวันที่… Read More »

วัดชมโพธยาราม ฉะเชิงเทรา จำลองแบบจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล

https://youtu.be/WocNzSQAsFQ สวัสดีกันอีกครั้ง วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวเมืองแปดริ้วหรือจังหวัดฉะเชิงเทรานั่นเอง เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผมเดินทางมาบ่อยครั้ง เพราะมีวัดท่องเที่ยวมากมายซะจริงๆ สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่วัดชมโพธยาราม วัดชมโพธยาราม ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา เป็นวัดที่มีความพิเศษคือ ได้จำลองสังเวชนียสถานมาไว้ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ สถานที่ประสูติ, ตรัสรู้, ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ผมเดินทางมาในช่วงปีใหม่ พ.ศ. 2559 แต่ต้องบอกว่าผิดคาดที่ผู้คนไม่เยอะอย่างที่คิด ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังวัดหลวงพ่อโสธรกันมากกว่า จากการเดินทางผ่านถนนเส้นที่ไปยังวัดหลวงพ่อโสธร ผมก็สังเกตุว่ามีปริมาณรถที่หนาแน่นพอสมควร ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายมายังวัดชมโพธยารามก่อน จุดแรกเราจะเห็นความโดดเด่นของเจดีย์พุทธคยาสีทองอร่าม ซึ่งสภาพปัจจุบันก็มีสภาพที่กำลังปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ รวมถึงสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าหรือสวนลุมพินี ก็กำลังปรับปรุงเช่นกัน ผมจอดรถใกล้เคียงกับเจดีย์พุทธคยา ซึ่งมีร่มไม้อยู่ ส่วนพื้นทีอื่นๆก็สามรถจอดได้นะครับ แต่จะเป็นพื้นที่โล่ง จุดแรกที่ผมจะเข้าไปชมคือ เจดีย์พุทธคยา เป็นสถานที่อันแสดงถึงสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามารถเดินเข้าไปชมด้านในและเดินขึ้นไปได้ด้วยครับ ภายในเจดีย์พุทธคยา จะมีภาพเขียนผนัง และประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่หลายองค์ หลังจากชมพื้นที่ด้านล่างของพระเจดีย์แล้ว ผมก็เดินขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของเจดีย์ ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดเก็บของโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดครับ บริเวณชั้น 2 จะเป็นพิพิธภัณฑ์และสามารถเดินต่อขึ้นไปด้านบนได้อีก แต่ผมก็ไม่ได้เดินขึ้นไปนะครับ เพราะเดินทางมาคนเดียวไม่มีเพื่อนครับ มันดูเงียบๆพิกล ฮ่าๆ ผมจึงขอลงจากเจดีย์ไปยังสถานที่อื่นต่อไปครับ สถานที่ต่อไปคือธัมเมกชสถูป ปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ เป็นสถานที่แสดงถึงสถานที่ปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้าแก่เหล่าปัญจวคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชานั่นเอง ภายในธัมเมกขสถูปจะประดิษฐานพระแก้วมรกตองค์จำลองทรงเครื่องฤดูฝน หลังจากที่ผมได้กราบไหว้พระเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกมาไปยังสถานที่ปรินิพพานต่อไป… Read More »

เขาวงพระจันทร์กับการธุดงค์ของหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

การเดินทางท่องเที่ยวและทำบุญแต่ละสถานที่มักจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมคือเรื่องราวการตามรอยพระอริยะเจ้าองค์ต่างๆ ที่เดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ ด้วยเหตุนี้ผมจะขอนำเรื่องราวสถานที่สำคัญสถานที่หนึ่งก็คือ เขาวงพระจันทร์ ที่หลวงพ่อปาน โสนันโทได้นำคณะศิษย์เดินทางธุดงค์แสวงหาธรรม โดยหนึ่งในคณะศิษย์นั้นคือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างมาก ส่วนตัวผมเองนั้นมีความเชื่อว่าสถานที่ต่างๆ ที่พระอริยะเจ้าได้เดินทางไปถึงนั้น ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์และต้องมีมูลเหตุสำคัญในการไปถึง ไม่ใช่ด้วยความบังเอิญ ผมได้ลองค้นหาข้อมูลเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเขาวงพระจันทร์ ก็พบว่ามีบันทึกในหนังสือ 2 เล่ม คือ “ประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท” และ “หลวงพ่อธุดงค์” ซึ่งทั้งสองเล่มนี้เป็นหนังสือที่พิมพ์ขึ้นถอดความจากธรรมเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงมีความน่าเชื่อถือพอสมควร เขาวงพระจันทร์ ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่วัดเขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรี จะมีประเพณีงานบุญประจำปีเพื่อขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกๆปี จะมีผู้แสวงบุญเดินทางมากันเป็นจำนวนมาก และสามารถเดินขึ้นเขาวงพระจันทร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จุดแรกที่นักเดินทางมาถึงจะผ่านศาลเจ้าพ่อขุนด่านก่อน ซึ่งเจ้าพ่อขุนด่านมีเรื่องราวการบันทึกในหนังสือเช่นกันอยู่ในตอน “อานุภาพท่านเจ้าพ่อขุนด่าน” ซึ่งผมขอถอดความมานำเสนอดังนี้ อานุภาพท่านเจ้าพ่อขุนด่าน ท่านขุนด่านเป็นเทวดาของท่านท้าวเวสสุวัณ มีเครื่องทรงประจำสีแดง คือ นุ่งห่มสีแดง และโพกผ้าก็สีแดงเหมือนกัน ท่านที่ทรงเครื่องแดงนี้จัดเป็นเทวดามีอานุภาพมาก สมัยที่เขาวงพระจันทร์ยังมีสถานที่ยังไม่สมบูรณ์อย่างปัจจุบัน หลวงพ่อปานท่านกำลังสร้างมณฑปและบันไดขึ้นเขา มีพระองค์หนึ่งเป็นลูกศิษย์นอกสำนักของหลวงพ่อปาน ชื่อ ท่านสำราญ ชาวบ้านเรียกว่าอาจารย์สำราญ ขณะนี้สำราญอยู่เมืองผีนานแล้ว เพราะท่านแก่กว่าฉันมาก สมัยฉันอายุ 20 ปีเศษ ท่านมีอายุเกือบ 40 ปีแล้ว ท่านอยู่ประจำที่เขาวงพระจันทร์ เป็นเขตอารักขาของท่านขุนด่าน หลวงพ่อปานท่านสั่งไว้เสมอว่า อย่าประกาศตัวเป็นศัตรูกับผี ควรทำตนเป็นมิตรกับผีจะได้อยู่เป็นสุข เพราะผีไม่ใช่คน ถ้าเป็นศัตรูกัน เวลาที่เขามาทำอันตรายไม่มีนิมิตปรากฏ ท่านสำราญก็ไม่เชื่อ ปกติท่านสวดบทวิปัสสิสเสมอเพื่อไล่ผี คาถาบทนี้เป็นคาถาในบทภาณยักษ์และภาณพระ… Read More »

เทพเจ้ากวนอูกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากหนังสือ ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน

สวัสดีครับ วันนี้ผมขอพักเรื่องราวในเรื่องการท่องเที่ยววัดสักบทความ จึงขอนำเสนอเรื่องราวของเทพเจ้าหรือภาษาไทยเราๆที่เรียกกันว่า เทวดา มานำเสนอกันสักนิด ซึ่งจะเป็นเรื่องราวคร่าวๆ สอดแทรกคำสอนของพระสงฆ์นั่นก็คือหลวงพ่อราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) ซึ่งผมเองนั้นมีความศรัทธาในองค์หลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้ผมจะนำเสนอเรื่องราวของเทพเจ้ากวนอู ซึ่งคนไทยหลายๆคนก็มักคุ้นเคยกันดี เป็นเทพเจ้านักรบที่ได้รับความเคารพนับถือในหมู่คนจีนและคนไทยอย่างกว้างขวาง ตัวผมเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมสังคมไทยจึงได้รับอิทธิพลเรื่องราวของเทพเจ้ากวนอูมากขนาดนี้ ซึ่งแต่เดิมนั้นตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องราวและไม่มั่นใจว่าเทพเจ้ากวนอูนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ แต่ด้วยเหตุบังเอิญที่ผมได้ไปอ่านหนังสือ “ตายไม่สูญ … แล้วไปไหน” ซึ่งเป็นหนังสือที่ถอดความมาจากการเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงทำให้ผมนั้นคลายความสงสัยไปเยอะเลยครับ… หนังสือ “ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน” เป็นหนังสือที่น่าสนใจยิ่งนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีความศรัทธาในหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ควรที่จะหามาเป็นเจ้าของเพื่อไว้ศึกษาข้อมูลเรื่องราว ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี หนังสือเล่มนี้ มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับบุคคลต่างๆ เมื่อตายไปแล้ว ได้พบเจอกับสิ่งใด … ทั้งนี้  ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็ได้กล่าวถึงเรื่องความเชื่อตามหลักกาลามสูตร 10 ซึ่งมีหัวข้อดังนี้ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้… Read More »