สารคดีบทเพลงพระอรหันต์ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปทุมธานี

สารคดีบทเพลงพระอรหันต์ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปทุมธานี สารคดีนี้เป็นสารคดีที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่เจี๊ยะ… ประกอบด้วยหัวข้อธรรม และประวัติของหลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต… หลวงตามหาบัว ได้กล่าวถึงหลวงปู่เจี๊ยะว่า เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง เนื่องจากบุคคลิกของท่านเอง แต่ด้วยภูมิธรรมนั้นท่านเข้าถึงโดยแท้… โอวาทธรรมของหลวงปู่เจี๊ยะ เมื่อฐานของสมาธิมั่นคงดีแล้ว ให้ถอยออกมาหัดพิจารณา ตัดตามอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายของเรานี้ เช่น ตัดตามข้อนิ้วมือถึงนิ้วเท้า ตัดแก้มซ้ายและขวา ตัดลิ้น ตัดฟันจนทั่วร่างกายให้มันหลุดออกไปเลย หลายๆรอบ โดยไม่มีนิวรณ์เข้ามาแทรกแซง ให้พิจารณามากๆเข้า เกิดความเบื่อหน่ายสังเวชสลดใจ แยกเวทนา นั่งสงบสบายเฉย จากนั้นให้ถอยกลับเข้ามาพิจารณาอีก ทำอยู่อย่างนั้นจนแจ้งชัดในหัวใจผู้ปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าเดินปัญญาอันแท้จริง เหนือสิ่งที่ว่า “รู้” ขึ้นไปอีก เห็นตัวจิตผู้ที่ไปขึดไว้ชัดเจน ไม่เกี่ยวของกับกาย กับเวทนา ต่างคนต่างอยู่ เห็นเอง สันทิฏฐิโก พึ่งตนเองได้   ท่านที่ศรัทธาและต้องการเดินทางไปกราบอัฐิธาตุของหลวงปู่เจี๊ยะ สามารถเดินทางไปที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปทุมธานี รายละเอียดตามลิ้งค์ด้านล่างครับ >>> ทำบุญวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปทุมธานี <<<

วัดโพธิ์บางคล้า วิหารพระนอนโบราณ ชมค้างคาวแม่ไก่ ฉะเชิงเทรา

คลิปบนช่อง FaithThaiStory วัดโพธิ์บางคล้า วันนี้ผมจะพาไปเที่ยววัดแห่งหนึ่งในเมืองแปดริ้ว หรือจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็น Unseen อีกแห่งหนึ่งของเมืองแปดริ้ว เพราะด้วยจุดเด่นคือมีค้างคาวแม่ไก่อยู่ในบริเวณพื้นที่วัดเป็นจำนวนมาก อีกทั้งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่เก่าแก่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน จึงเป็นวัดที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวแปดริ้วอีกแห่งหนึ่งด้วย นั่นก็คือ “วัดโพธิ์บางคล้า” วัดโพธิ์บางคล้า อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา 23 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบางคล้า ห่างจากตลาดน้ำบางคล้าเล็กน้อย การเดินทางถ้าออกจากตลาดน้ำบางคล้า ให้เลี้ยวมาทางขวา หรือสอบถามคนในละแวกนั้นก็ได้ครับ เพราะห่างจากตลาดน้ำบางคล้าประมาณ 2 – 3 กิโลเมตรเท่านั้น “วัดโพธิ์บางคล้า” สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ราว พ.ศ. 2310 – 2315 เพื่อใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นอนุสรณ์ที่เคยใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่พักทัพ ในครั้งที่เดินทัพเพื่อกอบกู้เอกราช ปัจจุบันมีวิหารเก่าอยู่หลังหนึ่ง รูปทรงจัตุรมุข ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชน ในปี พ.ศ. 2485 ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบูรณปฏิสังขรณ์วิหาร โดยการซ่อมเปลี่ยนหลังคาเป็นกระเบื้องเกล็ดเต่าเขียว ประดับด้วยช่อฟ้ารูปหัวพญานาคและมีใบระกา หน้าจั่วทางทิศตะวันตกปั้นเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ประดับด้วยลายเครือเถา หน้าจั่วด้านทิศเหนือปั้นเป็นรูปดอกบัว 5 ดอกประดับแจกัน ต่อมาหลังคาได้พังลงมาทำให้พญานาคและใบระกาชำรุดเสียหาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 ชาวอำเภอบางคล้าได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์เป็นเงินกว่า 350,000 บาท เพื่อทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วิหารในส่วนของโครงสร้างหลังคาโดยยังคงรูปแบบเดิมไว้โดยได้ตั้งเสาขึ้นทั้งหมด 8 ต้นเพื่อเสริมความแข็งแรงของหลังคาทั้งสี่ด้าน พื้นรอบวิหารปูด้วยศิลาแลง ผนังภายในก่ออิฐฉาบปูน และเปลี่ยนเพดานใหม่ พร้อมทั้งติดตั้งโคมไฟ ปูพื้นด้วยหินอ่อน จุดเด่นสำคัญของวัดโพธิ์… Read More »

ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด

ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด ถ้าจะกล่าวถึงพระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนทั้งหลายส่วนมากจะนึกถึงพระพุทธองค์ ที่เป็นพระศาสดาเผยแพร่หลักธรรมให้แก่สัตว์โลกทั้งหลาย หลักธรรมคำสั่งสอนนั้นพระองค์นั้นล้วนเป็นความจริง แม้ไม่มีพระพุทธองค์ หลักธรรมก็ยังเป็นจริงอยู่เสมอ สำหรับผู้ที่มีความศรัทธาและเชื่อในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ จึงมักดำเนินชีวิตและมีแนวทางที่สอดคล้องตามหลักคำสอน และค้นหาข้อมูล เพื่อให้ตนเองดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องที่สุด คำสอนของพระพุทธองค์จะสอนในเรื่องให้กระทำความดี ละเว้นความชั่วและทำจิตใจให้บริสุทธิ์ แต่การดำเนินชีวิตในปัจจุบันบางครั้ง พุทธศาสนิกชน หลายๆคนก็ยังอาจเผลอที่ทำผิดศีลไปบ้าง อีกทั้งเวลาในการทำงานที่ต้องใช้มากขึ้น เวลาเดินทางมากขึ้น จึงไม่ค่อยที่จะมีเวลาในการปฏิบัติธรรมมากนัก  พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่จึงได้ใช้เวลาในวันหยุดหรือใช้ปัจจัยที่ตนเองมีอยู่ในการทำบุญ เพราะสะดวกและง่ายในการทำความดี แต่การทำความดี ก็มีระดับของบุญกุศล จากหนังสือวิธีสร้างบุญบารมี ของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก ได้กล่าวว่าการสร้างความดีแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต่ำคือการให้ทาน ระดับกลางคือการรักษาศีล ระดับสูงคือการบำเพ็ญสมาธิ สำหรับปุถุชนอย่างเราๆ โดยทั่วไปจึงเน้นการทำบุญที่ง่าย คือการให้ทานเป็นหลัก หลายๆคนคงจะคิดว่าแล้วการให้ทานแบบใดจึงจะให้ผลที่ดี เป็นเนื้อนาบุญที่ดี และเป็นการทำบุญอย่างชาญฉลาด ดังนั้นวันนี้ผมจึงได้ค้นหาข้อมูลของพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้เถิด”  เพื่อมาแชร์ให้ทราบว่าที่มาเป็นเช่นไร มีความสำคัญอย่างไร และคำสอนนี้จะนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร พุทธพจน์นี้มาจากคำบาลีว่า  “โย ภิกขเว มํ อุปฏฐเหยย โส คิลานํ อุปฏฐเหยย”  เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าต่อพระภิกษุทั้งหลาย และให้เป็นระเบียบปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่มาของคำสอน วันหนึ่งที่วัดพระเชตวันมหาวิหาร  พระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จ โดยทั่วไปในบริเวณวัดและผ่านพระภิกษุทั้งหลาย พร้อมทั้งให้ธรรมะแก่พระภิกษุเหล่านั้น จากนั้นพระพุทธองค์ได้เสด็จผ่านกุฏิหลังหนึ่ง แล้วหยุดอยู่ที่นั่น และทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า “ด้านในกุฏินั้นมีใครอยู่” พระอานนท์ได้กราบทูลว่า “ด้านในกุฏินั้น มีพระภิกษุติสสะ อยู่พระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธองค์จึงเสด็จเข้าไปภายในกุฏิ… Read More »

เที่ยวชมความงาม อุโบสถสีทอง และทำบุญที่วัดปากน้ำ (โจ้โล้) ฉะเชิงเทรา

เที่ยวชมความงาม อุโบสถสีทอง และทำบุญที่วัดปากน้ำ (โจ้โล้) ฉะเชิงเทรา เมื่อกล่าวถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา หลายๆคนคงต้องนึกถึงวัดหลวงพ่อโสธร มาเป็นอันดับต้นๆ แต่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรานั้น มีวัดวาอารามที่สวยงามอีกมากมาย และผมก็ได้มีโอกาสเดินทางมาจังหวัดฉะเชิงเทราอีกครั้ง จึงได้วางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวชมวัดต่างๆมากขึ้น และจากข้อมูลของนักท่องเที่ยว ได้กล่าวถึงวัดแห่งหนึ่งที่มีพระอุโบสถสีทองอร่ามทั้งหลัง เป็น Unseen ของจังหวัดฉะเชิงเทราเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือวัดปากน้ำ (โจ้โล้) วัดปากน้ำ (โจ้โล้) ตั้งอยู่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของค่ายพม่า ที่ได้ยกทัพเข้ามาทำศึกสงครามกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คำว่าโจ้โล้ มีเรื่องเล่าอยู่ 2 แบบ คือ 1. มาจากเรื่องเล่าว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทำการโล้เรือเข้ามา ทำทีว่ามีทหารเพียงไม่กี่นาย แล้วทำการเข้าซุ่มโจมตีกองทัพพม่าจนได้รับชัยชนะ 2. เป็นชื่อปลากระพงซึ่งมีมากในแม่น้ำบางปะกง ที่มาจากภาษาจีน ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ประมาณ 200 กว่าปีที่แล้ว และได้เป็นสถานที่ตั้งค่ายของพม่า หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้มีชัยเหนือพม่าแล้ว ได้ทรงโปรดเกล้าให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ แต่เจดีย์ได้ถูกน้ำกัดเซาะจนพังทลายไปทั้งหมด เมื่อปี พ.ศ. 2491  ปัจจุบันได้มีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่และมีการทาสีทองเหลืองอร่ามทั้งหลัง เป็นจุดเด่นและ Unseen ของจังหวัดฉะเชิงเทรา การเดินทางมาวัดปากน้ำ (โจ้โล้) ขอยืนยันว่ามากันไม่ยาก ถ้าเคยมาท่องเที่ยวกันที่ตลาดน้ำบางคล้า เมื่อออกจากตลาดน้ำให้เลี้ยวมาทางซ้าย ขับรถตรงไปเรื่อยๆ ไม่ไกลมากครับ จะเห็นอุโบสถสีทองอร่ามทั้งหลังอยู่ทางซ้ายมือ สถานที่สำคัญในวัดปากน้ำ (โจ้โล้) 1. พระอุโบสถสีทองทั้งหลัง 2. ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 3.… Read More »

หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา พระพุทธรูปยืน ที่เชื่อกันว่าบันดาลลาภมาก วัดท่าซุง อุทัยธานี

หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา พระพุทธรูปยืน ที่เชื่อกันว่าบันดาลลาภมาก วัดท่าซุง อุทัยธานี ถ้าจะกล่าวถึงวัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม จังหวัดอุทัยธานีแล้ว หลายๆคนก็จะต้องนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสและเป็นศิษฐ์อีกของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้พัฒนาวัดท่าซุงให้เจริญไปอย่างมาก มีสิ่งปลูกสร้างมากมายภายในวัด และทุกสิ่งปลูกสร้างล้วนมีความประณีตสวยงามทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นการสร้างสิ่งต่างๆภายในวัด ก็ล้วนแต่มีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้นตากันองค์หนึ่งคือ พระยืนขนาดสูง 30 ศอก หรือที่กล่าวเรียกกันว่า “หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา” (1 ศอก เท่ากับ 50 เซนติเมตร) ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ด้านหน้าหอพระไตรปิฎก เหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปยืนองค์นี้ก็มีเรื่องราวมาเช่นกัน ซึ่งมีประวัติการสร้างพอสังเขปดังนี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มักจะสั่งสอนลูกศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอในเรื่องของการชำระหนี้สงฆ์ เนื่องจากว่าแต่ละคนนั้นล้วนแต่เคยเอาของสงฆ์มาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าการจะเก็บสิ่งของต่างๆภายในวัดไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษใบไม้ กิ่งไม้แห้ง เศษกระเบื้องแตกภายในวัด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของสงฆ์ ถ้าได้นำสิ่งนั้นกลับมาจะติดหนี้กรรมกันทั้งนั้น และส่งผลไปสู่การตกนรกเมื่อตายไป เคยมีญาติโยมสอบถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำไปว่า การจะชำระหนี้สงฆ์นั้น ควรจะทำอย่างไรถึงจะหมดสิ้น และหลวงพ่อเองก็ได้ให้คำแนะนำไปว่า จะต้องสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 4 ศอก ขึ้นไปเพื่อเป็นพุทธบูชา ซึ่งถ้าเราได้เข้าไปในวัดท่าซุงจะมองเห็นพระพุทธรูปขนาด 4 ศอกมากมายประดิษฐานโดยรอบพื้นที่วัด เนื่องจากมีผู้คนศรัทธาได้มาทำการสร้างถวายไว้ ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 1,059 องค์ นอกจากนี้หลวงพ่อก็ยังแนะนำอีกว่า การสร้างพระพุทธรูปถวายถ้าจะให้ได้อานิสงส์ผลบุญครบทั้งคณะที่ร่วมกันสร้าง จะต้องทำการปิดทองที่องค์พระด้วย การสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 4 ศอก ได้ดำเนินการก่อสร้างจากญาติโยมที่ศรัทธามากมายจากทั่วประเทศ แต่ละองค์นั้นต้องใช้ปัจจัยจำนวนมากที่การสร้าง บางรายทรัพย์น้อยก็ใช้วิธีการทยอยชำระ ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ได้ห้ามอะไร จนกระทั่งเมื่อ ปี พ.ศ. 2528… Read More »

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำวัน สำหรับผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้

เมื่อเร็วๆนี้ หลายๆคนคงจะได้เห็นการแชร์รูปเกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำวันเกิด ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในแต่ละวัดก็มักจะเห็นพระพุทธรูปปางประจำวันเกิดอยู่โดยทั่วไป แต่ก็เกิดประเด็นร้อนขึ้นมา ในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้จะมีพระพุทธรูปปางประจำวันในปางใด ซึ่งจากรูปที่ปรากฏจะเป็นพระพุทธรูปในอริยาบทที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันนัก ส่งผลให้เกิดการแชร์ไปบนโลกออนไลน์กันอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีหลายๆคนก็คิดไปต่างๆนานาๆ ว่าพระพุทธรูปปางนี้มีอยู่จริงหรือไม่ บางคนก็คิดไปในแง่ที่ไม่ถูกต้อง และก็มีบางส่วนที่หาข้อมูลและก็ทราบความจริงว่าเป็นเช่นไร แท้จริงแล้วรูปพระพุทธรูปที่เราไม่คุ้นเคยกันนัก นั่นคือ “พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ” และก็มีการสร้างอยู่จริง ตามบันทึกจากหนังสือ “ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ” นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร)   พระพุทธรูปประจำวันเกิดของผู้จำวันเกิดไม่ได้ คือพระพุทธรูปปางใด ในเรื่องที่มาที่ไปเกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำวันเกิดนั้น มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยโบราณแต่ในเรื่องการบันทึกของพระพุทธรูปประจำวันเกิดสำหรับผู้ที่ไม่ทราบวันเกิดนั้นไม่มีบันทึกที่แน่นอน แต่ผมคิดว่าน่าจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเทวดาประจำวันเกิดตามความเชื่อก็ได้ ตามความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาประจำวันเกิดที่เราคุ้นเคยกันนั้นก็จะทราบกันดีว่า ผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้จะมีเทวดาประจำตัวคือ “เทวดาพระเกตุ”  นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทางสถานที่แห่งนั้นได้จัดตั้งพระพุทธรูปประจำวันเกิดสำหรับผู้ที่จำวันวันเกิดไม่ได้เป็น “พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ” ซึ่งมีคำที่พ้องเสียงกัน สำหรับบางตำราก็ได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธรูปประจำวันสำหรับผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้นั้น คือ “พระพุทธรูปปางมารวิชัย”   พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา ยกฝ่าพระหัตถ์ขวาขึ้นแนบพระเศียร เป็นกิริยาเสยพระเกศา   พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ มีเรื่องราวประวัติและตำนานดังนี้ หลังจากที่พระพุทธองค์ได้เสร็จการเสวยแล้ว ตปุสสะ และ ภัลลิกะ ซึ่งมีอาชีพพ่อค้า ได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสอง ขอถึงพระองค์กับพระธรรมเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงทราบว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองเป็นอุบาสก ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าอวสานแห่งชีวิต ขอกราบทูลขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งควรแก่การอภิวาทในยามอนุสรณ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณในกาลเบื้องหน้าต่อไป” ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระมหากรุณา จึงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้นลูบพระเศียรเกล้าฯ ได้พระเกศามา 8 เส้น มีสีดุจแก้วอินทนิล… Read More »