วัดสนามชัย เจดีย์สุพรรณภูมิขนาดใหญ่ ภายในบรรจุกระดูกคนตายจำนวนมาก

https://youtu.be/G_mIeGmrU8o สวัสดีครับท่านผู้ติดตาม ผมจะพาทุกท่านเดินทางท่องเที่ยววัดร้างในเมืองสุพรรณบุรี ที่เขาเล่าว่าในเจดีย์มีการบรรจุกระดูกคนตายจำนวนมาก นั่นคือ วัดสนามชัย (ร้าง) สุพรรณบุรี ในจังหวัดสุพรรณบุรี ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะท่านที่มีความสนใจในเรื่องวัดเก่าโบราณ เพราะเมืองแห่งนี้มีโบราณสถานมากมายพอสมควร ซึ่งในอดีตเรียกว่า สุพรรณภูมิ คำว่าสุพรรณภูมิคือชื่อเมืองโบราณก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาแห่งหนึ่งในลุ่มน้ำสุพรรณบุรี และยังมีพระนามของราชวงศ์สุพรรณภูมิที่ได้ปกครองกรุงศรีอยุธยาถึง 13 พระองค์ โดยมีระยะเวลายาวนานกว่า 200 ปี ความโดดเด่นที่วัดสนามชัยคือเจดีย์สุพรรณภูมิองค์ขนาดใหญ่ แต่ส่วนยอดได้หักพังไปหมดแล้ว การสำรวจระหว่างการบูรณะองค์เจดีย์พบว่าภายในมีการบรรจุกระดูกคนตายจำนวนมาก ทำให้สันนิษฐานกันว่าเป็นเจดีย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างไทย – พม่า จากการสันนิษฐานของกรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่าเจดีย์ประธานสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20 เมื่อได้เดินเข้ามายังภายในองค์เจดีย์ประธาน ก็มีความรู้สึกหลอนๆนิดนึงครับ เพราะไปรู้เรื่องราวว่าภายในนี้เคยเก็บกระดูกคนตายจำนวนมาก กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดสนามชัย (ร้าง) เป็นโบราณสถานของชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และประกาศระวางแนวเขตในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 98 ตอนที่ 177 วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2524 เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 50.25 ตารางวา และ ประกาศเพิ่มเติมในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 106 ตอนที่ 140 วันที่ 29 สิงหาคม 2532 เนื้อที่ประมาณ… Read More »

พระแก้วมรกต ความศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่มั่นได้บอกไว้

สวัสดีครับท่านผู้ติดตามอ่านบทความ FaithThaistory.com ผมมีเรื่องราวที่น่าสนใจมานำเสนอเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกต ณ วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) เรื่องราวนี้ได้จากคำบอกเล่าของหลวงปู่มั่น บันทึกโดยหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ ซึ่งท่านได้เป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอย่างใกล้ชิดอีกรูปหนึ่ง หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ (หรือในอดีต คือ พระอาจารย์ทองคำ ญาโณภาโส) เป็นพระอุปัฏฐากผู้ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น อยู่หลายปี ได้มีโอกาสอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่นทั้งในช่วงที่หลวงปู่มั่นจำพรรษาอยู่ที่บ้านโคกและบ้านนามน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ในช่วงปี พ.ศ. 2486 -2487 จนเมื่อหลวงปู่มั่นย้ายมาอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พ.ศ. 2488-2492 ท่านก็ได้ติดตามมาอยู่ด้วย การศึกษาเรื่องราวประวัติของหลวงปู่มั่น ถ้าจะให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือใกล้เคียงที่สุด ก็ควรศึกษาจากพระอุปัฏฐากใกล้ชิดซึ่งน่าจะได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงที่สุด ผมเองนั้นได้ใช้ข้อมูลเรื่องราวการบันทึกประวัติหลวงปู่มั่นหลักๆ ประมาณ 3 เล่ม โดยมีพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นเขียนไว้ได้แก่ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร และหลวงตาทองคำจารุวัณโณ ในฐานะที่ผมชอบเดินทางท่องเที่ยววัดต่างๆ และได้อ่านบทความประวัติหลวงปู่มั่นโดยหลวงตาทองคำ ได้พบบทความเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกต ซึ่งบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าหลวงปู่มั่นได้เขียนเรื่องราวนี้ไว้อย่างไร นอกจากการบันทึกเรื่องราวนี้โดยหลวงตาทองคำแล้ว ผมยังได้เห็นการนำเรื่องราวนี้ไปจัดแสดงไว้ที่วัดป่าสุทธาวาส (สถานที่ละสังขารของหลวงปู่มั่น) ไว้ด้วย จึงน่าจะเป็นข้อมูลที่ไม่ผิดเพี้ยน  ผมจึงขอโอกาสนี้นำเรื่องราวดังกล่าว มานำเสนอเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อท่านผู้ติดตามต่อไป บันทึกความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกต เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่หลวงปู่มั่นพักที่วัดป่าบ้านหนองผือ พระอุปัชฌาย์อุ่น หรือ พระครูบริบาลสังฆกิจ (อุ่น อุตตโม) วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ได้เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่มั่นเพื่อฟังธรรม และได้นำรูปพระแก้วมรกตขนาด 20 นิ้ว… Read More »

ตามรอยตำนานรักนางผมหอม ที่ปรางค์โบราณนางผมหอม ลพบุรี

https://youtu.be/5Cyrt6AxdRk สวัสดีครับท่านผู้ติดตามเรื่องราว วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางตามรอยตำนานนางผมหอม ที่มีปรางค์นางผมหอม เป็นโบราณสถานในตำนานเรื่องเล่านี้ ปรางค์นางผมหอมเป็นปรางค์โบราณแบบขอม ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ที่บ้านโคกคลี อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี สันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 โดยในแถบนี้ จะเป็นเส้นทางโบราณในอดีต การเดินทางครั้งนี้เป็นการตามรอยตำนานรักของนางผมหอมที่เล่าสืบต่อกันมา ทั้งนี้มีเรื่องราวตำนานหลายตำนานและในหลายๆพื้นที่ ส่วนเรื่องราวที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ ก็เป็นอีกเพียงเรื่องราวหนึ่งเท่านั้น การเดินทางค่อนข้างไกลพอสมควรครับ แต่เส้นทางก็ถือว่าสะดวก เมื่อมาถึงพื้นที่ จะต้องขับรถผ่านเข้ามาเส้นทางลูกรังเล็กน้อย จะมองเห็นปรางค์ตั้งอยู่ บรรยากาศโดยรอบเป็นพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน เมื่อมาถึงปรางค์นางผมหอม ผมก็ได้สัมผัสบรรยากาศชายทุ่ง ที่มีลมพัดเย็นสบาย และยังมีโต๊ะหินอ่อนให้นั่งพักผ่อนอีกด้วย วันที่เดินทางแม้ว่าแสงแดดจะแรง แต่ก็ไม่ร้อนอย่างที่คิด ทำให้ได้ชมบรรยากาศอย่างเต็มที่     บริเวณกรอบประตูของปรางค์เป็นหินทราย ชาวบ้านเล่าว่า แต่เดิมมีทับหลังแต่ได้สูญหายไป เนื่องจากมีความเชื่อและตำนาน จึงได้มีการนำหุ่นจำลองตัวแทนนางผมหอมมาไว้ด้านในปรางค์ ซึ่งเป็นเรื่องราวความเชื่อของคนในท้องถิ่นครับ ตำนานนางผมหอม ต้องบอกก่อนว่า ตำนานนางผมหอมมีเรื่องราวมากมายในหลายท้องถิ่น ซึ่งเรื่องราวที่ผมจะนำเสนอนี้ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งตำนานเท่านั้น ในสมัยขอมเรืองอำนาจมีเมืองหนึ่งชื่อเมืองศรีเทพ มีพระมหากษัตริย์ปกครองอย่างผาสุก พระองค์มีพระโอรสพระองค์หนึ่งไม่ปรากฏนามซึ่งมีพระชันษาสมควรที่จะมีคู่ครอง พระองค์จึงสั่งให้เหล่าเสนาอำมาตย์ตีฆ้องร้องป่าวหาคนที่จะมาอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย พระองค์จึงชุกคิดได้ว่ามีพระสหายปกครองบ้านเมืองอยู่เมืองพิมายและมีพระธิดาที่มีสิริโฉมงดงามกว่านางใดในแผ่นดินชื่อว่านางผมหอม พระองค์จึงได้ตั้งขบวนกับพระโอรสเพื่อไปสู่ขอนางผมหอมที่เมืองพิมาย เมื่อเดินทางไปถึงเมืองพิมายก็ได้เที่ยวชมเมืองพิมายซึ่งเป็นนครกว้างใหญ่และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพระสหาย  พระองค์ทรงพอพระทัยมาก ฝ่ายพระโอรสก็ได้เจอกับนางผมหอมซึ่งเกิดมีความรักต่อกัน เมื่อถึงวันต้องเสด็จกลับเมืองศรีเทพ พระองค์จึงทรงสู่ขอนางผมหอมจากเจ้าเมืองพิมาย เพื่อกลับไปอภิเษกสมรสกับพระโอรสของพระองค์ ซึ่งพระสหายก็ทรงอนุญาตให้นางผมหอมไปด้วย นางผมหอมมีม้าตัวหนึ่งคู่พระทัยซึ่งทรงโตมาด้วยกันตั้งแต่ทรงพระเยาว์นางจึงนำม้าไปด้วยโดยขี่หลังม้าไป ขบวนเสด็จของพระราชาเมืองศรีเทพก็ได้เดินทางกลับ เมื่อเดินทางมาถึงช่องเขาขาดซึ่งปัจจุบันเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดนครราชสีมากับจังหวัดลพบุรี ขบวนของพระองค์ก็ทรงหยุดตั้งพลับพลาที่ประทับริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง นางผอมหอมมีความต้องการที่จะสรงน้ำจึงเสด็จไปสรงน้ำที่แม่น้ำใกล้ๆลำน้ำแห่งนั้น นางได้นั่งสรงน้ำที่แท่นหิน(ภายหลังต่อมาเรียกแท่นนางผมหอม) ด้วยพระทัยที่เบิกบาน ในขณะนั้นนางได้สระผมแล้วเส้นผมของนางก็ได้หลุดลอยไปตามกระแสน้ำ ต่อมาเจ้าชายแห่งเมืองละโว้ ได้เสด็จประพาสป่า พระองค์มีความรู้สึกกระหายอย่างเป็นกำลังจึงลงไปที่ลำน้ำ เมื่อไปถึงลำน้ำพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระเกศาติดอยู่ที่ท่าน้ำมีกลิ่นหอมมาก ส่งผลให้พระองค์เกิดหลงรักเจ้าของเส้นผมที่มีกลิ่นหอมนางนี้ ทั้งที่พระองค์ยังไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน… Read More »

ตามรอยหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ลพบุรี ศิษย์หลวงปู่เสาร์และหลวงพ่อเดิม

https://youtu.be/hqrDq9fgjzM สวัสดีครับท่านผู้ติดตามเรื่องราวการตามรอยศรัทธาทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางตามรอยความศรัทธาไปยังวัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งสถานที่แห่งนี้ เคยเป็นสถานที่จำพรรษาของหลวงพ่อเกตุ พระวิปัสสนากรรมฐาน ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล (พระอาจารย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) และเป็นศิษย์ของพระเกจิชื่อดังแห่งวัดหนองโพ เมืองนครสวรรค์ นั่นก็คือหลวงพ่อเดิม พุทธสโร อีกด้วย เนื่องจากผมได้เดินทางไปยัง อำเภอโคกสำโรง จ.ลพบุรี จึงได้ค้นหาข้อมูลเรื่องราวของพระชื่อดัง จึงได้พบว่าวัดคลองเกตุ เป็นเส้นทางผ่าน ผมจึงได้ถือโอกาสนี้เดินทางไปชมบรรยากาศครับ ผมเดินทางไปในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2560 ซึ่งในวันที่ผมเดินทางไปนั้น เป็นวันที่มีการจัดงานอุปสมบทอยู่ด้วย จึงได้เห็นความคึกคักในวัด โดยปกติแล้ว วัดคลองเกตุจะเป็นวัดที่เงียบสงบพอสมควร เพราะระยะทางห่างจากเมืองลพบุรีก็หลายสิบกิโลเมตรนั่นเอง  นานๆที จึงจะเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางมา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องราวของหลวงปู่บุญตานั่นเอง จากถนนเส้นหลักเข้ามาสู่ทางเข้าวัดคลองเกตุ จะเป็นชุมชนตลอดเส้นทาง การเดินทางสะดวกสบายดีครับ การเดินทางมาไม่ยากครับ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ จะผ่านวงเวียน อำเภอโคกสำโรง ขับมาอีกราวๆ 1-2 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกเส้นทางไปวัด โดยให้เลี้ยวขวาตามป้ายเลยครับ จุดจอดรถจะมีทั้งด้านหน้าและด้านหลังวัด เลือกจอดได้ตามอัธยาศัยครับ ภายในวัด มีจุดนั่งพักผ่อนที่ทางวัดได้จัดไว้ให้ ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ จากนั้น ผมก็ไปทำการกราไหว้บูชารูปหล่อหลวงปู่บุญตา ในศาลา ภายในศาลานี้ จะมีโลงศพที่เคยใช้บรรจุศพของหลวงปู่บุญตา เมื่อครั้งที่ท่านได้ละสังขารไป และมีรูปหล่อองค์ท่านไว้ให้กราบไหว้บูชา ภายในศาลานี้ มีตู้วัตถุมงคลให้บูชาด้วยครับ สำหรับท่านที่นิยม โดยจะมีท่านเจ้าอาวาสเปิดให้บูชาเท่านั้น… ในวันที่ผมเดินทางไปวัดคลองเกตุ ปรากฏว่าเจ้าอาวาสท่านไม่อยู่ จึงไม่ได้บูชามาตามระเบียบ ทั้งนี้มีวัตถุมงคลที่หลวงปู่บุญตาได้สร้างไว้ด้วยครับ ผมจะต้องกลับไปบูชามาให้ได้แน่นอนครับ    … Read More »

ตามรอยอารยธรรมพุทธศาสนา เมืองโบราณซับจำปา ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงทวารวดี

https://youtu.be/9xIUUZJX3do สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านออกเดินทางไปตามรอยอารยธรรมพุทธศาสนา ณ เมืองโบราณซับจำปา ที่มีอายุในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยทวารวดี ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี … ก่อนที่ผมจะเดินทางตามรอยครั้งนี้ เนื่องจากผมได้เดินทางไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี  ได้เห็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย โดยผมให้ความสนใจเรื่องราวในยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายจนถึงยุคทวารวดีเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอิทธิพลทางพระพุทธศาสนา ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ มีหลักฐานโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนานั่นก็คือ การขุดค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาก็คือ ฐานและเสาหินธรรมจักรแปดเหลี่ยม จารึกอักษรปัลลวะ คาถาในพระไตรปิฎก อายุในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-13 และได้ค้นพบเศียรพระพุทธรูปสมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-12 ซึ่งมีความสมบูรณ์อย่างมาก เศียรพระพุทธรูปหินเขียวนี้ มีสภาพที่สมบูรณ์อย่างมาก จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ จารึกอักษรปัลลวะ คาถาในพระไตรปิฎก บนเสาหินธรรมจักรแปดเหลี่ยม สมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12-13 การเดินทางเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมให้ความสนใจเรื่องราวของเมืองซับจำปามากยิ่งขึ้น จึงค้นหาเส้นทางว่าไกลเพียงใด…ปรากฏว่าต้องเดินทางต่อไปถึง อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี อยู่ห่างออกไปราวๆ 100 กิโลเมตร พอทราบถึงระยะทางที่ไกลพอสมควร จึงได้วางแผนที่จะเดินทางกันในวันหลัง จากข้อมูลเมืองโบราณซับจำปา พบว่ามีอายุในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายเพราะค้นพบเครื่องใช้เครื่องประดับที่ทำจากหินและโลหะ จนถึงสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) แต่สิ่งที่ผมสนใจเรื่องราวและอยากเดินทางไปตามรอยเพราะเรื่องราวของพระพุทธศาสนามากที่สุด จากการจารึกบนหลักศิลาจารึกที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น และโบราณวัตถุทางพระพุทธศาสนา การค้นพบเมืองโบราณซับจำปาอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ.2513 เกิดเหตุการณ์ตั๊กแตนปาทังก้าระบาดในพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้กรมการเกษตรส่งอากาศยานเพื่อโปรยสารเคมีกำจัดแมลง ทำให้นักบินเห็นสันฐานคูเมืองโบราณซับจำปา ข่าวนี้จึงกระจายไปในแวดวงโบราณคดี ถือเป็นการค้นพบอย่างเป็นทางการ ผมได้ค้นหาข้อมูล ก็ยิ่งตื่นเต้นกับเรื่องราวของเมืองโบราณแห่งนี้ แม้ว่าจะไม่มีความรู้ทางโบราณคดีเลยก็ตาม เพียงแค่อยากเดินทางไปดูสถานที่ ผมจึงวางแผนเดินทางไปในวันที่… Read More »

วัดอุดมมงคล ฉะเชิงเทรา วัดที่หลวงพ่ออุตตมะให้สร้างขึ้น (มีคลิป)

https://youtu.be/xnopxGE9QtA สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังวัดอุดมมงคล ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญตามประวัติว่า หลวงพ่ออุตตมะได้ให้สร้างขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสุดท้ายที่หลวงพ่ออุตตมะสร้าง ก่อนท่านก็ได้มรณภาพลง หลวงพ่ออุตตมะ เป็นพระเชื้อสายมอญมาจากประเทศพม่าหรือเมียนม่าในปัจจุบัน ท่านมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะธุดงค์แสวงหาธรรมเพื่อการหลุดพ้น ข้ามแดนสู่ประเทศไทย และได้พบเจอครูบาอาจารย์ที่เรารู้จักกันดีมากมายเช่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นต้น หลวงพ่ออุตตมะ เป็นพระที่มีความเมมตาสูง จนเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง และได้เริ่มสร้างวัดแห่งแรกคือ วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยการบูรณะขึ้นมาจากวัดร้าง ความมีชื่อเสียงและเป็นที่เลื่อมใสทำให้ท่านได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งสังขละบุรี” เนื่องจากผมยังไม่มีโอกาสเดินทางไปยังวัดวังก์วิเวการาม จึงได้เดินทางมายังวัดอุดมมงคล ฉะเชิงเทรา เป็นการอุ่นเครื่องก่อน เพราะเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะได้สร้างขึ้นเช่นกัน ในวันที่ผมเดินทางจะเป็นวันธรรมดา (14 มิถุนายน 3560) ซึ่งจะมีผู้คนน้อยกว่าปกติ ในวัดจึงดีค่อนข้างเงียบ… ในวัดมีสิ่งปลูกสร้างมากมายเช่น องค์รูปหล่อหลวงพ่ออุตตมะ, พระราหู, พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ, พระอุปคุต และมีสิ่งปลูกสร้างที่กำลังดำเนินการคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ถัดมาฝั่งตรงข้ามกับองค์หลวงพ่ออุตตมะ จะเป็นพระอุโบสถ และวิหารหลวงพ่อพุทธโสธรที่สานจากไม้ไผ่ ภายในพระอุโบสถ จะสร้างลักษณะคล้ายกับเป็นปากถ้ำเข้าไป ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูป   ภายในพระอุโบสถด้านล่าง จะมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง ที่เป็นพระพุทธรูป 3 มิติ ถือว่าแปลกตากว่าพระพุทธรูปทั่วๆไป … องค์พระพุทธรูปจะมีลักษณะเป็นเบ้าลึกเข้าไป แต่เมื่อถ่ายภาพออกมา จะเป็นลักษณะเหมือนองค์พระลอยนูนออกมา และยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราเดินไปทางซ้ายหรือขวา จะเหมือนองค์พระพุทธรูปลอยเด่นหันมาตามเราอีกด้วย ซึ่งเป็นภาพลวงตาจากการมองภาพพระพุทธรูป เป็นฝีมือช่างที่ทำขึ้นมาได้อย่างประณีตดีจริงๆครับ ถือว่าพระพุทธรูป… Read More »