ขอขมากรรมพ่อแม่ เพื่อเป็นสิริมงคลต่อชีวิต

วันนี้ผมก็ขอแชร์บทความดีๆ ที่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยทำเลยในตลอดชีวิต… ก็คือการขอขมากรรมพ่อแม่ ซึ่งเราสามารถที่จะทำได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันครอบครัว 14 เมษายน วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม หรือวันไหนๆก็ตามที่เราสะดวก

หลายๆคนคงเคยได้ยินและรับทราบผ่านหูผ่านตามาบ้างเกี่ยวกับพ่อแม่ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูก การจะทดแทนบุญคุณบิดามารดาได้นั้นก็แสนยากยิ่งนัก ผมก็เลยจะขอยกพระสูตรบทหนึ่งมากล่าวถึงเกี่ยวกับการทดแทนบุญคุณบิดามารดาดังนี้

ในกาลนั้น พระตถาคตเจ้าได้เปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะ 8 ประการ ตรัสแด่ปวงชนทั้งหลายว่า…. “เธอทั้งหลายพึงสำเหนียก เราจักแสดงแก่เธอ…..

หากมีบุรุษ หาบบิดาด้วยไหล่ซ้าย หาบมารดาด้วยไหล่ขวา …
แบกหามหาบนั้นจนผิวหนังแตกทะลุถึงกระดูก …
จากกระดูกถึงไขกระดูก …
หาบวนรอบเขาพระสุเมรุเป็นเวลาผ่านไปนับ แสนกัป …
โลหิตไหลท่วม ข้อเท้า …
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้ …

หากบุรุษ ปรารถนาให้บิดามารดาพ้นจากทุพภิกขภัย …
แล่เนื้อตนเอง และบดให้ละเอียด ให้บิดามารดาเป็นอาหาร …
แม้จักกระทำถึง แสนกัป …
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้ …

หากมีบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา …
ใช้มีดคว้านควักดวงตาของตน ออกมาถวายบูชาแด่พระตถาคต …
แม้จะกระทำนับ แสนกัป …
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้…

หากมีบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา …
ใช้มีดอันคมควักหัวใจของตน โลหิตไหลทั่วพื้นปฐพี …
มิหวั่นต่อความเจ็บปวด …แม้จักกระทำนับ แสนกัป …
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้…

หากมีบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา …
ใช้มีดง้าวศาตราวุธนับแสน เสียบทิ่มแทงจนทะลุปรุพรุนไปทั่วร่าง
แม้จักกระทำนับ แสนกัป
ก็มิ อาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้….

หากบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา …
ทุบกระดูกตน รีดไขกระดูกเ็ป็นเชื้อไฟจุดประทีปถวายเบื้องหน้าพระตถาคต…
แม้จักกระทำนับ แสนกัป …
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่ง ใหญ่ของบิดามารดาได้ …

หากบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา …
กลืนกินลูกเหล็กที่ร้อนระอุ …
แม้จักกระทำนับ แสนกัป จนทั่วร่างกายลุกเป็นไฟ …
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้…

หากบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา …
เอาร่างฝ่ากระโจนเข้าไปในกองไฟ จนไหม้เกรียมเป็นผุยผง …
แม้จักกระทำนับ แสนกัป ….
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้…”

ปวงชนทั้งหลาย เมื่อได้สดับรับฟังพระพุทธดำรัสถึงความยิ่งใหญ่ ของพระคุณบิดามารดาเช่นนั้น …ต่างหลั่งน้ำตาด้วยความปวดร้าวใจ ดุจดังมีดกรีด ด้วยมิอาจคิดหาวิธีได้ …
ต่างพร้อมเพรียงกันกราบทูล พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความละอายและเกรงกลัวต่อบาปในสังสารวัฎ ว่า….

” ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า พวกข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้บาปยิ่งนัก จักกระทำเยี่ยงไรจึงจะสามารถตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ลึกซึ้งของ บิดามารดาได้ ? ”

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่สาวกทั้งหลายว่า…
“หากปรารถนาจักตอบแทนพระคุณบิดามารดา….

พึงเขียนแสดงพระสูตรนี้ … (บอกกล่าวและเผยแผ่)
สวดท่องพระสูตรนี้ขอขมากรรมเพื่อบิดามารดา …
ถวายสักการะแด่พระรัตนตรัยเพื่อบิดามารดา …

พึงรักษาศีลอุโบสถเพื่อบิดามารดา …
พึงบำเพ็ญทานเพื่อบิดามารดา …
พึงชี้แนะธรรมะแด่บิดามารดา …

หากประพฤติปฏิบัติได้เยี่ยงนี้ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นบุตรกตัญญู…

การจะทดแทนคุณพ่อแม่ ถ้าจะสรุปสั้นๆก็คือ การสามารถทำให้ท่านอยู่ในศีลในธรรมได้ (หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการให้ธรรมทานแก่พ่อแม่ นั่นเอง) แต่ทั้งนี้ถ้าตัวเราเองไม่มีความศรัทธา เราก็ไม่สามารถที่จะพาท่านให้เข้าใจได้ แบบอย่างที่ดีในสมัยพุทธกาลนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงทำเป็นแบบอย่างคือ สามารถให้พระบิดาเข้าถึงหลักธรรมและบรรลุอรหันต์ในที่สุด…

วิธีขอขมากรรมพ่อแม่ง่ายๆ

สำหรับเรื่องราวด้านบนที่กล่าวมาอาจจะดูลึกซึ้งไปสักเล็กน้อย ถ้าจะทดแทนพระคุณพ่อแม่ให้หมดก็คงลำบาก แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการที่ต้องเอาตัวรอดจากผลกรรมที่ได้กระทำกับพ่อแม่ เอาเป็นว่าเรามาทำในสิ่งที่ง่ายๆกันก่อน คือการขมากรรมต่อพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่เรายังมีชีวิตอยู่นั้น จะเป็นโอกาสอันดีมาก ที่เราจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อพ่อแม่ของเรา ผู้รู้หลายท่านได้กล่าวไว้ว่า พวกเราทุกคนล้วนทำกรรมไว้กับพ่อแม่นานา สาระพัด ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ล้วนเป็นเวรกรรมทั้งสิ้น และการทำกรรมไม่ดีต่อพ่อแม่ ก็จะเป็นกรรมหนักที่จะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาไม่ดี เถียงพ่อแม่ หงุดหงิดใส่พ่อแม่ หรือตอนเป็นเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องราว ก็อาจจะทำอะไรที่ไม่ดีโดยที่เราไม่รู้ตัว ผมจึงขอแนะนำให้ทำพิธีขอขมากรรมกันจะดีที่สุด อย่างน้อยๆเชื่อเถอะครับว่าเราสบายใจ พ่อแม่ก็ดีใจ และอาจจะเป็นวันที่พิเศษสุดสำหรับทุกคนในวันนี้จนลืมไม่ลง น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจอาจจะไหลออกมา และก็เป็นการกระทำที่ดีไม่เสียหายอะไรเลย

ครูบาอาจารย์หลายท่านได้บอกไว้ว่า การงานของหลายๆคนอาจจะติดขัด ซึ่งไม่ทราบสาเหตุ หรือมีความทุกข์หลายๆอย่างทั้งการงานและครอบครัว ซึ่งอาจจะเป็นผลจากเวรกรรมกับพ่อแม่ก็ได้ และท่านได้บอกว่า เมื่อพ่อแม่กล่าวอโหสิกรรมไปแล้ว เวรกรรมที่ผ่านมาทั้งในชาตินี้และอดีตชาติก็จะหมดไป ลองกันดูนะครับ

วิธีการเอาแบบฉบับง่ายๆ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรตายตัว แล้วแต่ความสะดวก เพียงแต่ทุกการกระทำต้องล้วนออกมาจากจิตใจนะครับ ให้เตรียมอุปกรณ์ดังนี้ครับ

1.ขันน้ำ ใส่น้ำพร้อมน้ำอบหอม

2.ขันเล็ก เพื่อใช้ตักน้ำรดน้ำพ่อแม่

3. พวงมาลัยดอกมะลิ (จะมีหรือไม่ก็ไม่เป็นไร)

4.ปัจจัย หรือของกำนัลแด่พ่อแม่

สำหรับตัวผมแล้ว อุปกรณ์เท่านี้ก็ถือว่าผ่านครับ เพื่อไม่ให้มีการจัดเตรียมอะไรมากเกินไปแต่ขอเพียงประณีต จะได้ทำกันได้ง่ายๆนะครับ

คำกล่าวสั้นๆ เพื่อกล่าวคำขอขมาพ่อแม่มีดังนี้ครับ…

ลูกขอกราบไหว้บูชาพ่อแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูก…

การกระทำด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี…

ที่ลูกได้กระทำการล่วงเกินไป ด้วยความประมาทโง่เขลาเบาปัญญา…

ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ทั้งเจตนาก็ดี หรือไม่เจตนาก็ดี…

ลูกจึงได้นำของหอมเหล่านี้เพื่อขอบูชาพระคุณของพ่อแม่ซึ่งเลี้ยงดูลูกมาได้จนเติบใหญ่จนวันนี้…

ลูกขอกราบขอขมากรรมทั้งปวงที่ได้ล่วงเกินไปแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน…

ขอพ่อแม่ผู้มีพระคุณได้โปรดเมตตา งดโทษที่ได้ล่วงเกินไปแล้วนั้น…

เพื่อสำรวมต่อพ่อแม่ในกาลต่อไป…

ผลบุญทั้งหลายที่ลูกได้กระทำ ขอให้พ่อแม่จงได้มีส่วนร่วมในผลบุญนั้น…

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้พ่อแม่ มีสุขภาพแข็งแรง…

อยู่เป็นร่วมโพธิ์ร่มไทรและเนื้อนาบุญของลูกหลานตลอดไปเถิด…

และก็มอบปัจจัยหรือของกำนัลตามกำลังทรัพย์นะครับ ไม่มีไม่เป็นไร พ่อแม่เข้าใจครับ

จากนั้น ก็ทำการรดน้ำที่มือของพ่อแม่ ล้างเท้าพ่อแม่ และกราบเท้าพ่อแม่

หลังจากนั้นให้พ่อแม่ ได้กล่าวสาธุ และกล่าวอโหสิกรรมต่อลูกหลาน และให้พร… ก็เป็นอันจบพิธี

เห็นมั้ยครับง่ายๆ แต่สำหรับใครที่จะทำครั้งแรก อาจจะเขินอาย และเสียงสั่นกันเลยนะครับ ยังไงก็จดคำอธิษฐานนี้แล้วท่องตามเลยก็ได้นะครับ หรือให้มีผู้กล่าวนำสักคนก็จะดี พิธีจะได้ราบรื่น และซาบซึ้งตรึงใจ…

เราอาจจะดัดแปลงเนื้อหาการกล่าวได้ตามสมควรนะครับ ไม่ต้องมีเนื้อหาตามผมก็ได้ แต่เนื้อหาใจความหลักๆก็ขอให้คงไว้ และผมคิดว่าคงจะได้เห็นคราบน้ำตาแห่งความซาบซึ้งอย่างแน่นอน

พิธีกรรมขอขมาสามารถทำได้ทุกโอกาสนะครับ และขอแนะนำให้ทำทุกๆปี เพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป…