วัดภูริทัตตถิราวาส จังหวัดสกลนคร เดิมชื่อวัดสันติวนาราม ชาวบ้านเรียกติดปากว่า วัดป่าบ้านหนองผือ ตามชื่อของหมู่บ้าน วัดแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับพระสายหลวงปู่มั่นมายาวนานและเป็นสถานที่จำพรรษาในช่วงบั้นปลายของชีวิต จึงเป็นวัดหนึ่งที่มีความสำคัญ ด้วยเพราะมีครูบาอาจารย์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ต่างเดินทางมาศึกษาธรรมะกับหลวงปู่มั่นจากทั่วสาระทิศ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวของชาวบ้านมายาวนาน
วัดป่าบ้านหนองผือหรือวัดภูริทัตตถิราวาส ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นวัดความสำคัญมากวัดหนึ่งในสายพระป่ากรรมฐาน เริ่มแรกวัดแห่งนี้เป็นป่าดงดิบ เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์นานาชนิด และยังชุกชุมไปด้วยโรคไข่ป่ามาลาเรียอีกด้วย
ผู้บุกเบิกมายังสถานที่แห่งนี้ ก็คือ หลวงปู่หลุย จันทสาโร ท่านได้ธุดงค์มายังแถบนี้ และปรารถนาจะสร้างที่พักสงฆ์สักแห่ง ที่ไม่ห่างไกลจากหมู่บ้านมากนัก เมื่อท่านได้ตั้งที่พักสงฆ์ชั่วคราวได้แล้ว ก็มีพระเณรเดินทางธุดงค์สัญจรผ่านมามากมาย อย่างไม่ขาดสาย จนภายหลังสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสำนักสงฆ์ถาวร และได้พัฒนาเป็นวัดโดยสมบูรณ์ โดยมีชื่อแรกว่า “วัดสันติวนาราม”
จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2488 หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พ่อแม่ครูบาอาจารย์แห่งพระกรรมฐานสายป่า ได้มาที่บ้านหนองผือ และพำนักที่ เสนาสนะป่าบ้านห้วยแคน หลวงปู่หลุยจึงแนะนำให้ชาวบ้านหนองผือ อาราธนาหลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่นี่
ชาวบ้านจึงเดินทางไปอาราธนาหลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองผือ โดยครั้งนั้นมีหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโรได้ตามมาอุปัฏฐากระยะหนึ่ง และหลวงปู่มั่นได้จำพรรษาที่นี่ติดต่อกัน นาน 5 ปี ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2488 – 2492 ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายในการจำพรรษาก่อนที่ท่านจะมรณภาพ
ในปี พ.ศ.2492 หลวงปู่มั่นอาการอาพาธหนักมาก คณะศิษย์ได้ตามหมอมารักษา อาการก็เพียงทุเลาและหนักขึ้นไปอีก สุดท้ายหลวงปู่มั่นท่านไม่ยอมฉันยา แล้วบอกว่า
“ต้นไม้ที่มันยืนต้นตายอยู่แล้ว จะเอาน้ำไปรดเท่าไหร่ มันก็ไม่เกิดใบขึ้นมาหรอก อายุขัยของเราถึงที่สุดแล้ว”
จนกระทั่งใกล้ออกพรรษาในปีเดียวกัน หลวงปู่มั่นได้บอกให้ตามลูกศิษย์ทั่วประเทศมาฟังธรรมจากท่านเป็นครั้งสุดท้าย ความว่า
“การปฏิบัติจิตถือเป็นเรื่องสำคัญ การทำให้จิตสงบถือเป็นกำลัง การพิจารณาอริยสัจถือเป็นการถูกต้อง เป็นทางของพระอริยะ ผู้เดินผิดทางย่อมไม่มีที่หมายคือพระนิพพาน”
ในวาระสุดท้ายนั้น ชาวบ้านหนองผือ ต่างต้องการตอบแทนคุณหลวงปู่มั่น โดยขอให้จำพรรษาอยู่ที่นี่โดยตลอด แต่หลวงปู่มั่นท่านได้บอกว่า เราจะไม่มรณภาพที่นี่ เพราะถ้าเราตายที่นี่ ผู้คนทั้งหลายจะพากันมามาก จะพากันฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าสัตว์ทั้งหลาย เนื่องด้วยศพของเราเป็นเหตุแห่งการทำบาป “สมควรที่จะจัดให้เรามรณภาพที่เมืองสกลนครเถิด”
ด้วยเพราะหลวงปู่มั่นท่านทราบดีว่า การไปมรณภาพในเมืองนั้น(วัดป่าสุทธาวาส) จะไม่เป็นการเบียดเบียนสัตว์มาก เพราะที่นั่นจะมีตลาด คงไม่สะเทือนชีวิตสัตว์มากเหมือนบ้านป่านั่นเอง…
เมื่อไม่สามารถทัดทานให้หลวงปู่มั่นอยู่ที่วัดป่าหนองหนองผือได้ ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงได้จัดการแบกเคลื่อนย้ายหลวงปู่มั่นเข้าสู่เมืองสกลนครตามความปรารถนาของท่าน หนึ่งในคณะสงฆ์ที่ทำการเคลื่อนย้ายหลวงปู่มั่นครั้งนั้นคือหลวงตามหาบัว
หลวงตามหาบัว ได้บรรยายบรรยากาศในการนำองค์หลวงปู่มั่นออกจากบ้านหนองผือว่า มีบรรยากาศที่โศกเศร้ามาก เพราะชาวบ้านรักและเคารพหลวงปู่มั่น ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่หลวงปู่มั่นจำพรรษาที่นี่ ได้ทำให้ชาวบ้านเข้าถึงพระพุทธศาสนาไปหลายคน จากที่เคยนับถือผี ก็หันมายึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
การที่หลวงปู่มั่นจากไปเช่นนี้ เหมือนดั่งดวงใจของเขาเหล่านั้นได้จากไป…ระหว่างที่เคลื่อนองค์หลวงปู่มั่นออกจากหมู่บ้าน จะมีชาวบ้านต่างออกมานั่งพับเพียบ คุกเข่ากราบไหว้หลวงปู่มั่น ไปตลอดทาง บางคนก็พากันร้องไห้อย่างน่าเวทนา เป็นภาพที่สะเทือนใจยิ่งนัก
การเคลื่อนย้ายหลวงปู่เข้าสู่เมืองสกลนคร มาถึงวัดป่าสุทธาวาส และเป็นสถานที่หลวงปู่มั่นได้มรณภาพที่นี่ ในปี พ.ศ.2492
หลังการมรณภาพของหลวงปู่มั่น ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์หรือหลวงปู่จูม พันธุโล วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ซึ่งขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลเขตนี้ และเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ได้เล็งเห็นความสำคัญของวัดป่าบ้านหนองผือ ซึ่งเป็นสถานที่หลวงปู่มั่นมาจำพรรษานานถึง 5 ปี ติดต่อกัน ท่านจึงดำริให้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เพื่อเชิดชูคุณธรรมและเป็นการจารึกถึงหลวงปู่มั่น ตามฉายาของท่าน และได้ชื่อเป็นมงคลว่า “วัดภูริทัตตถิราวาส”
และได้ตั้งวัดแห่งนี้เป็นวัดโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย กิจกรรมทางพระศาสนาที่สำคัญ จะจัดขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกๆปี เป็นการจัดงานน้อมบูชาแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อหลวงปู่มั่น เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่มั่น ผู้เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์แห่งวงพระกรรมฐานยุคปัจจุบัน ซึ่งจะมีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศเดินทางไปร่วมงานบุญนี้เป็นจำนวนมากในทุกๆปี
อนุสรณ์สถาน ระลึกถึงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ปัจจุบันที่วัดมีอนุสรณ์สถานเกี่ยวกับหลวงปู่มั่น ได้แก่
ศาลาหลวงปู่มั่น (หลังจากบูรณะ) เป็นศาลาอนุสรณ์ที่หลวงปู่มั่นใช้แสดงธรรมแก่พุทธบริษัทขณะจำพรรษาตลอด 5 ปีและใช้ประชุมสงฆ์ให้โอวาทธรรม
ศาลาโรงฉัน เป็นศาลาที่หลวงปู่มั่นและพระภิกษุสามเณรฉันภัตตาหารร่วมกัน
ทางจงกรมหลวงปู่มั่น อยู่ทางฝั่งขวาของกุฏิ
กุฏิหลวงปู่มั่นที่ชาวบ้านหนองผือพร้อมใจสร้างถวาย
กุฏิถาวรหลังนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเคยเสด็จทอดพระเนตรเมื่อปี พ.ศ.2521 ในคราวเสด็จทอดพระเนตรโครงการสร้างฝาย อ่างเก็บน้ำห้วยหินลาดบ้านนาในและห้วยผึ้งบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร และต่อมากุฏิหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดยกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ.2522
เหตุการณ์อัศจรรย์ในวันยกฉัตรเจดีย์หลวงปู่มั่น
เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2560 ในพิธียกฉัตรเจดีย์และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งหลวงพ่อวิริยังค์ พระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นเป็นผู้อุปถัมภ์การสร้างเจดีย์นี้
เหตุการณ์ได้ถูกบรรยายไว้โดยผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า Sahai Dhamma
ได้กล่าวถึงบรรยายกาศระหว่างพระราชพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากฟ้าสว่างเจิดจ้า พลันมีเมฆบังเกิดลมพัดเกิดความร่มเย็น และเกิดเสียงฟ้าคำรามหนึ่งครั้ง เป็นเหตุอัศจรรย์จนกระทั่งพระราชพิธีจบสิ้น ฟ้าจึงเปิดสว่างจ้าเช่นเดิม
สามารถอ่านบทความนี้ ได้ที่ลิ้งก์ >> https://www.faiththaistory.com/lpmun-pagoda
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวสั้นๆ การก่อเกิดวัดป่าภูริทัตตถิราวาส และความสำคัญของวัดแห่งนี้ ซึ่งมีหลวงปู่หลุย จันทสาโร เป็นผู้บุกเบิกเข้ามาสร้างสำนักสงฆ์ให้เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ตามแนวทางที่ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
แอดมินเล่าเรื่องความสำคัญของกุฏิหลวงปู่มั่น
ขอขอบพระคุณการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปครับ…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก ที่ www.faiththaistory.com