สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับภารกิจเที่ยววัดตามรอยความศรัทธา วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปถึงจังหวัดนครพนม ดินแดนที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำโขง มีวัดท่องเที่ยวและทำบุญมากมาย โดยเฉพาะพระธาตุพนม พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของเมืองนครพนม ที่ตำนานกล่าวว่า พระมหากัสสปะเถระ ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอกของพระพุทธเจ้า) มาประดิษฐานไว้
แต่สำหรับบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านไปชมความงาม ของพระธาตุนคร วัดมหาธาตุกันก่อน ซึ่งมีความเชื่อกันว่า เป็นพระธาตุประจำของผู้ที่เกิดวันเสาร์ จะด้วยเหตุใดนั้น ผมไม่ทราบข้อมูลเรื่องนี้ แต่ที่สำคัญคือ ผมเกิดวันเสาร์จึงต้องขอนำมากล่าวไว้ด้วยครับ
ผมได้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม โดยมีจุดประสงค์หลักคือมาสักการะ นมัสการองค์พระธาตุพนม และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาอีกหลายๆในนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งใช้เวลาเดินทางมากพอสมควร ผมกลับเข้าที่พักก็มืดค่ำ ผ่านมาในเมืองนครพนม และเห็นองค์พระธาตุนคร ตั้งตระหง่านดูสวยงามในยามค่ำคืน และที่สำคัญคือ ผมเดินทางในช่วงเข้าฤดูหนาว ก็ได้สัมผัสถึงบรรยากาศอันเย็นสบาย มีลมพัดเข้าฝั่งได้บรรยากาศดีจริงๆครับ
ผมได้สอบถามเพื่อนที่พาผมเที่ยว เขาก็บอกว่าเรื่องลมจากแม่น้ำโขงมีตลอดทั้งปี
วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง บนถนนสุนทรวิจิตร เลียบเขื่อนหน้าเมืองนครพนมหรือถนนเลียบริมแม่น้ำโขง
มี “พระธาตุนคร” เป็นปูชนียสถานอันสำคัญ
พระธาตุนคร มีลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 4.85 เมตร สูง 24 เมตร มีรูปร่างตามพระธาตุพนมองค์เดิม
รูปทรงตั้งบนฐานใหญ่ 2 ฐาน ต่อลดหลั่นกันตามลำดับ แต่ละฐานมีรูปประตูอยู่ตรงกลางบนประตูเป็นรูปคล้ายบัวบาน มีรูปและลายต่างๆ ข้างประตูทำเป็นเครื่องไม้ดอกไม้ผล
รูปพระราชาทรงช้างทรงม้า ต่อจากฐานใหญ่ทั้ง 2 ขึ้นไป แล้วก็มีลักษณะแหลมเรียวขึ้นตามลำดับ ตอนกลางในด้านทั้ง 4 วิจิตรไปด้วยหมู่ดาวกระจาย (ดอกกระจับ)ทำเป็นมุมเล็กเรียวขึ้นไปอีก แล้วทำเป็นรูปลักษณ์คล้ายกลีบบัวอีก ที่ยอดสูงก็คล้ายดอกบัวตูม ต่อจากนี้จึงเป็นฉัตรทองแดงเหลือง 7 ชั้น ยอดฉัตรนี้มีลูกแก้วเจียรไน 1 ดวงอยู่สูงสุดของยอด
วัดมหาธาตุ เป็นวัดใหญ่ประจำเมืองนครพนม ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2464 มีเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวา
โดยวัดนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองการศึกษา มีพระมหาเถระ มีครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ปกครองดูแลและอำนวยการศึกษาอยู่เป็นประจำ และเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการใหญ่น้อย
เดิมชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ต่อมาชาวบ้านนิยมเรียกกันติดปากว่า “วัดธาตุ” เพราะ
1) ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสู่ลูกหลานฟังต่อๆ กันมาว่า ที่วัดมิ่งเมืองนี้มีพระธาตุเจดีย์ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
2) ภายในวัดมิ่งเมืองนี้ มีเจดีย์ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง หลายสิบองค์
3) เจ้าเมือง ชาวบ้านแต่ก่อนนิยมสร้างธาตุเจดีย์ไว้เป็นที่บรรจุอัฐิของบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย วัดมิ่งเมืองนี้จึงเต็มไปด้วยธาตุเจดีย์เป็นจำนวนมาก
ภายหลังเมื่อมีการสร้างพระธาตุขึ้น พระครูพนมนครคณาจารย์ ได้ทำการบันทึกเสนอขอตั้งชื่อวัดเป็น “วัดมหาธาตุ”
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory