ไหว้สุดยอดพระเกจิ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยา

ไหว้สุดยอดพระเกจิ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยา

ไหว้สุดยอดพระเกจิ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยา

สวัสดีครับจากบทความที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ 10 สุดยอดพระเกจิแห่งสยามประเทศ ผมจึงมีความตั้งใจที่จะเดินทางไปยังวัดที่พระเกจิเคยจำพรรษาอยู่ สำหรับครั้งนี้ผมได้เดินทางมาที่วัดพระญาติการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อมากราบหลวงพ่อกลั่น เพื่อระลึกถึงพระคุณของท่าน

หลวงพ่อกลั่น แห่งวัดพระญาติการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระเกจิ 1 ใน 10 สุดยอดแห่งสยามประเทศ ที่ผ่านการทดสอบพลังจิต สามารถเคลื่อนกบไสไม้ให้เดินหน้าและหันกลับได้ ท่านจึงได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนและชาวบ้านมากมากทั้งในพื้นที่และทั่วประเทศไทย

สำหรับการเดินทางนั้นสะดวกมากครับ เพราะที่ตั้งวัดอยู่ในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การเดินทางถ้าเดินทางมาจากกรุงเทพฯ จะผ่านโลตัสอยุธยา ตรงไปสักประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงสี่แยกไฟแดงแรก ให้ขับเลยไปจะเจอกับสี่แยกไฟแดงที่สอง ให้ขับชิดขวาเลยครับ เพื่อเลี้ยวขวา จากนั้นตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร จะเห็นซุ้มประตูวัดด้านซ้ายมือ

ผมมาถึงช่วงเช้าในต้นเดือนมกราคม ซึ่งท้องฟ้าครึ้มๆ อากาศเย็นๆ ไม่ร้อนครับ แต่ลุ้นเกรงว่าฝนจะตก

เมื่อเข้ามาผ่านซุ้มประตูวัด จะมองเห็นพระพุทธรูปองค์ยืนสวยงามมากนามว่า “พระศากยมุนีศรีอโยธยา” ประดิษฐานอยู่บริเวณด้าหน้าวิหารหลวงพ่อกลั่น จากนั้นก็ให้หาพื้นที่จอดรถได้เลยครับ พื้นที่กว้างขวางพอสมควร

จุดแรกที่ผมไปชมคือพระอุโบสถของวัด ซึ่งภายในประดิษฐาน “พระพุทธจอมมุนีศรีอโยธยา” สร้างจากหินทราย จากการสอบถามและข้อมูลกล่าวกันว่ามีอายุมากกว่า 500 ปี เลยทีเดียว

สภาพของพระอุโบสถค่อนข้างเก่าแก่ และจากสภาพน่าจะผ่านการปฏิสังขรณ์หลายครั้ง และทางวัดได้ประชาสัมพันธ์เรื่องการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถไว้ด้วยเช่นกัน ถ้าท่านใดมีจิตศรัทธาสามารถเดินทางไปร่วมบริจาคปัจจัยกันได้ครับ

สำหรับเรื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อกลั่น คงไม่ต้องกล่าวถึงนะครับว่าราคาจะไปแค่ไหนแล้ว จากข้อมูลปล่อยเช่ากันหลักล้านบาทเลยนะครับ สำหรับรุ่นแรก

ต้นโศกข้างวิหารหลวงพ่อกลั่น ที่จริงก็ไม่แปลกอะไรหรอกครับ แต่ผมเพิ่งจะรู้จักต้นไม้ต้นนี้ เห็นมีดอกเต็มต้นเลย เหมือนดอกเข็ม ก็เลยสอบถามคนในวัด จึงได้รู้ว่านี่คือต้นโศกนั่นเอง

ภายในวิหารสามารถจุดธูปเทียนบูชากันได้ รวมถึงสามารถปิดทองได้เช่นกันครับ

วัตถุมงคลของวัดส่วนมากจะเป็นรุ่นหลังๆนะครับ แต่ราคาให้เช่าก็ไม่ได้ธรรมดาเลยมีตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหมื่นเลยทีเดียว ผมจึงได้ลองเปิดหนังสือเกี่ยวกับวัตถุมงคลของวัดดูรายละเอียดประกอบไปด้วย

ผมนั่งอยู่ภายในวิหารหลวงพ่อกลั่นราวๆ 30 นาที ก็ได้เห็นผู้คนเดินทางมากันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายเลยครับ แม้ว่าหลวงพ่อกลั่นท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่ความดีของท่านยังอยู่ถึงปัจจุบันนี้ ทำให้ผู้มีจิตศรัทธาเดินทางกันมาร่วมทำบุญกันไม่เคยขาด

คลองกะมังหลังวัดพระญาติการาม มีเรื่องเล่าในสมัยก่อนว่า ในคลองมีปลาปักเป้าจำนวนมาก ทำให้เหล่าผู้ปกครองของเด็กๆเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ลูหลาน จึงได้ขอให้หลวงพ่อกลั่นปลุกเสกปลัดขิกให้กับลูกหลานไว้ป้องกันตัวเมื่อต้องลงเล่นน้ำ ไม่ห้ถูกปลาปักเป้ากัด (โปรดใช้วิจารณญาณ)

ภายในวิหารสองอรหันต์ จะประดิษฐานพระสังกัจจายน์และพระสีวลี (พุทธสาวกในสมัยพุทธกาล) ซึ่งทั้งสององค์จะเด่นในเรื่องลาภมาก

หลังจากที่ผมได้เดินวนเวียนภายในวัดนานพอสมควรก็เลยรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาเลยเดินไปซื้อกาแฟโบราณที่ขายในวัด

ลุงคนนี้ขายเครื่องดื่มชงในวัดพระญาติการาม มานานร่วม 16 ปีแล้วล่ะครับ ลุงอัธยาศัยดีมาก พาผมคุยเรื่องราวก็นานพอสมควร ถ้าได้เดินทางมาแล้วก็แวะอุดหนุนลุงเขาหน่อยนะครับ ผมซื้อกาแฟโบราณราคาเพียง 15 บาทเท่านั้น (แต่ถ้าจะซื้อ บอกลุงลดหวานลงหน่อยแล้วกันนะครับ เพราะลุงชงค่อนข้างหวาน)

สำหรับจุดหลักๆของวัด ผมก็ได้เดินไปชมมาทั้งหมดแล้ว ก็มีเพียงประมาณนี้ครับ บรรยากาศโดยรวมถือว่าโอเคเลย ไม่ร้อนเพราะมีร่มไม้ อีกทั้งบรรยากาศในวันที่ผมเดินทางไปนั้นค่อนข้างครึ้ม แถมมีลมแรง ก็เลยรู้สึกสบายๆ เรียนเชิญกันมาท่องเที่ยวและทำบุญกันได้นะครับ

ประวัติหลวงพ่อกลั่น ผมได้เปิดค้นหาจาก Wikipedia.org และเรียบเรียงมีรายละเอียดพอสังเขปดังนี้

หลวงกลั่น ธัมมโชโต ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2390 ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาเจษฎาบดินทร์ ฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ ต.อรัญญิก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

ในสมัยเด็ก ท่านต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากินมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 27 ปี ท่านจึงได้อุปสมบท ณ วัดโลกยสุธาศาลาปูน โดยมี พระญาณไตรโลก (สอาด) ต่อมาเป็นพระธรรมราชานุวัตร (อาจ) เจ้าคณะใหญ่อยุธยา เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูกุศลธรรมธาดา วัดขุนยวน (วัดพรหมนิวาส) กับ พระอธิการชื่น วัดพระญาติฯ เป็นคู่สวด ได้ฉายาว่า ธัมมโชโต แปลว่า เป็นผู้สว่างในทางธรรม

หลังจากนั้นท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดประดู่ทรงธรรม ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย และ เรียนรู้วิชาอาคม จนแตกฉาน กล่าวได้ว่าวัดประดู่ทรงธรรมแห่งนี้เป็นตักศิลาแห่งวิชาการแขนงต่างๆอย่างแท้จริง ท่านได้ศึกษาจากตำรับตำราต่างๆเหล่านั้น ทั้งได้รับคำแนะนำสั่งสอนเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์ จนเชี่ยวชาญในสรรพศาสตร์ สามารถดูแลรักษาตนได้เมื่อฝึกฝนวิชาต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญแล้ว จึงได้ออกธุดงค์ไปทั่วป่าเขาลำเนาไพร เผชิญสัตว์ร้ายนานาชนิด

จนกระทั่งเดินทางธุดงค์มาถึงวัดพระญาติการามในช่วงเวลาค่ำ ท่านได้พิจารณาว่า วัดนี้มีความเงียบสงบดี เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรม สามารถเจริญสมาธิและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้สะดวก ท่านจึงได้ปักกลดพักอยู่ที่บริเวณวัดในคืนนั้น รุ่งเช้าศรัทธาชาวบ้านมาทำบุญตักบาตร เห็นท่านเป็นผู้มีวัตรปฏิบัติงดงาม เกิดความเลื่อมใสศรัทธา พร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ให้ท่านพำนักจำพรรษายังพระอารามแห่งนี้ เรื่อยมากระทั่งมรณภาพ

หลวงพ่อกลั่นท่านยังมีวิชาลูกเบา หรือวิชาชาตรี ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพันวิชาหนึ่งขอท่าน อำนาจจิตของหลวงพ่อกลั่นนั้นมากมาย เรื่องนี้หลวงพ่ออั้น พระอุปัฏฐากของหลวงพ่อกลั่นได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงครั้งที่เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อกลั่นว่า ขณะที่เรียนกรรมฐานนั้นหลวงพ่อกลั่นได้ให้หลวงพ่ออั้นไปนั่งปฏิบัติในโบสถ์ หลวงพ่อท่านมีพระปฏิปทาที่ดี ท่านถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 รวมสิริอายุ 87 ปี 60 พรรษาปี พ.ศ. 2477

 

ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด

ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108

หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory

แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด

เว็บไซต์หลัก ที่ www.faiththaistory.com