ความเชื่อ และตำนานผีปอบของคนไทย

By | August 22, 2014
ภาพยนตร์บ้านผีปอบ

ภาพยนตร์บ้านผีปอบ

ความเชื่อ และตำนานผีปอบของคนไทย

ข่าวเกี่ยวกับเรื่องผีในสังคมไทย

จากข่าวคราวเกี่ยวกับผีต่างๆ ในสังคมไทยนั้นก็มีอยู่มากมาย และเรามักจะได้รับทราบผ่านสื่อมวลชนอยู่เรื่อยๆในเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องตำนานผีของไทย เช่นผีปอบ ผีกระสือ ผีกอกกอย ผีกระหัง เป็นต้น

เมื่อเร็วๆนี้ หลายๆคนคงได้รับทราบข่าวคราวเรื่องน่ารันทดใจ อย่างมากเกี่ยวกับเด็กหญิงที่ถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ตามลำพังเพียงคนเดียวเนื่องจากชาวบ้านได้ขอให้พ่อแม่ออกจากหมู่บ้านในข้อหาที่เชื่อว่าเป็นผีปอบ จากกรณี ด.ญ.พิสมัย งอกสุก หรือ น้องเขียว อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเข  ตำบลนาเลิน  อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตกเป็นข่าวถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านเพียงลำพัง กว่า 10 ปี มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก เพราะพ่อแม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ (วันที่เขียนบทความนี้ วันที่ 22/08/2557)

ก่อนหน้านี้ย้อนกลับไป 9 ปีที่แล้ว นายบันลือ แสงชมพู ผู้ใหญ่บ้านคำหมาในร่องเข ได้เกิดเหตุการณ์มีชาวบ้านได้ได้ล้มป่วยและตายไปหลายราย ชาวบ้านจึงพากันเชิญร่างทรงที่เชื่อถือมาทำการเข้าทรงว่าเกิดจากสาเหตุใด และร่างทรงคนนั้นก็ได้บอกว่าพ่อแม่ของน้องเขียวเป็นผีปอบ ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายนี้ เหล่าชาวบ้านจึงได้ขอร้องให้ออกไปจากหมู่บ้านตั้งแต่นั้นมา

เวลาผ่านไปกว่า 9 ปี จนเกิดกระแสข่าวออกไป เป็นโชคดีของน้องเขียว ที่ในหลวง ทรงพระกรุณาพระราชทานความช่วยเหลือ รับเด็กหญิงถูกทิ้งอายุ 12 ปี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกองเอก ดร.ดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบหมายให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดอุบลราชธานี รับตัว เด็กหญิงพิสมัย งอกสุข อายุ 12 ปี ไว้ในพระราชานุเคราะห์ โดยให้เข้าเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32 จังหวัดอุบลราชธานี และได้พระราชทานทุนการศึกษาสงเคราะห์ต่อเนื่องไปจนกว่าจะจบการศึกษาสูงสุดเท่าที่เด็กสามารถจะเรียนได้

จากกรณีนี้ จะเห็นได้ว่าสังคมไทยในปัจจุบัน ยังมีความเชื่อเรื่องผี และวิญญาณอยู่ในบางกลุ่ม ซึ่งก็คงจะไปล่วงละเมิดความเชื่อนั้นๆได้ เรื่องผีๆกับความเชื่อของคนไทยมีมานานตั้งแต่โบราณ และภาพยนตร์ต่างๆก็มีเกี่ยวกับผีมากมาย ถ้ากล่าวในเรื่องผีปอบ ก็คงหนีไม่พ้น ที่คนดูหนังจะต้องรู้จักในเรื่องบ้านผีปอบซึ่งมีหลายภาคหลายตอนมากๆ สำหรับผมเองตอนเด็กๆก็เคยดู จะว่าไปก็คงจะเป็นหนังตลกผ่อนคลายซะมากกว่า ในเรื่องของตำนานผีปอบนั้นเป็นมากันอย่างไร ทำไมถึงมีความเชื่อเช่นนั้น มาอ่านกันต่อเลยครับ

ในหลวง ทรงพระกรุณาพระราชทานความช่วยเหลือ รับเด็กหญิงถูกทิ้งอายุ 12 ปี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

ในหลวง ทรงพระกรุณาพระราชทานความช่วยเหลือ รับเด็กหญิงถูกทิ้งอายุ 12 ปี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

น้องเขียวและคณะอาจารย์ที่เข้าช่วยเหลือ

น้องเขียวและคณะอาจารย์ที่เข้าช่วยเหลือ

 

ตำนานผีปอบ

“ผีปอบ” มีเรื่องเล่าและตำนานว่า มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ หรือมนต์ดำจนแก่กล้าวิชา สามารถใช้อำนาจอันเข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลายชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำเสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณต่างๆ ภูตผีปิศาจให้ไปเข้าสิงคนอื่น ซึ่งในเรื่องของวิชาไสยศาสตร์นั้น มักจะมีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับไว้ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด
หากกระทำผิดข้อห้าม จะเกิดโทษหนักแก่ผู้ใช้วิชานั้นๆ ในเรื่องของการผิดครู วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น
ผีปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชาไสยศาสตร์หรือมนต์ดำไปทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ตนเองได้กระทำลงไป กระทั่งไม่สามารถที่จะควบคุมอาถรรพ์ของไสยเวทย์ที่ตนเองถือไว้ได้ จึงส่งผลให้อาถรรพ์ย้อนกลับมาเข้าตัวเองกลายเป็นผีปอบไปในที่สุด

“ผีปอบ” ตามความเชื่อนั้นยังสามารถจะแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น

“ปอบธรรมดา” หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง ซึ่งเมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย
“ปอบเชื้อ” หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ

“ปอบแลกหน้า” หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้าสิงใคร เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย

“ปอบกักกึก” (กึก ภาษาอีสานแปลว่า “ใบ้”) หมายถึง ปอบที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคนถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมอผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มาเข้าสิง

ผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิงหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า “ปอบเข้า” จะมีอาการแตกต่างกันไปบางคน แสดงกิริยาอาการ ดุร้ายบางคนจะซึมเศร้าคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะร่ำไห้รำพันไปต่างๆนานาแต่ไม่ว่าจะมีทีท่า อาการอย่างไร ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้นำอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ และก็จะกินด้วยการแสดงความตะกละมูมมามและกินได้จุผิดปกติ

ภาพจากภาพยนตร์บ้านผีปอบ

ภาพจากภาพยนตร์บ้านผีปอบ

พระสงฆ์เกจิอาจารย์เผชิญกับผีปอบ

ถ้าจะกล่าวว่า เรื่องผีปอบเป็นเรื่องงมงายซะทีเดียวก็คงจะกล่าวแบบฟันธงแบบนั้นไม่ได้ เพราะพระเกจิ อาจารย์หลายท่านก็เคยได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องผีปอบไว้เช่นกัน

หลวงปู่ดู่ วัดสะแกเจอวิชาไสยเวทย์ผีปอบ

หลวงปู่ดู่ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เคยเล่าไว้ว่า เมื่อสมัยยังหนุ่มๆ ได้มีชายกลางคน มาจากฝั่งประเทศลาว และได้มาขอพักในวัดที่อาตมาจำพรรษาอยู่ และพูดแปลก ๆ กับอาตมาว่า

“หลวงพ่อสนใจวิชาไสยเวทย์ เป็นทุนอยู่แล้ว กระผมต้องหาผู้สืบทอดวิชาต่อจากกระผม กระผมพิจารณาแล้ว เห็นว่าหลวงพ่อเท่านั้น ที่จะสืบสายวิชาของกระผมได้ วิชานี้เรียกว่า บิดไส้ บังฟัน ”

ชายวัยกลางคน ได้กล่าว่าการสืบทอดวิชานี้ไม่ยาก ขอเพียงหลวงพี่รับกลวยดอกไม้ กับตำราเก่าเล่มนี้ไปบูชา และทำการศึกษาตาม หลวงพี่ก็จะสำเร็จวิชาในตำราเล่มนี้ หลวงปู่ดู่ท่านจึงรับกลวยดอกไม้ และตำราเก่าที่หยิบจากย่ามชายหนุ่มวัยกลางคนคนนั้น หลวงปู่ดู่ท่านได้เล่าต่อว่า ช่วงกลางคืนที่จำวัตร (นอน) มักฝันอะไรแปลก ๆ เช่น ฝันว่าตนเองเดินออกจากวัด ไปกินไก่บ้านโน้น ไปกินวัวเป็น ๆ บ้านนั้น บ้านนี้ และที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ พอตื่นจะรู้สึกเพลีย เหมือนกลางคืนไม่ได้นอน และแปลกเข้าไปอีกตรงที่ว่า ถ้าอาตมาฝันว่าไปกินไก่ หรือกินวัวบ้านใด พอตื่นชาวบ้านมักจะบอกเสมอว่า บ้านนั้นไก่ตายทั้งเล้า บ้านนี้วัวตาย อาตมาพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เข้าท่า คงมีเหตุจากกลวยดอกไม้ ตำราเก่าเล่มนั้น อาตมาจึงตัดสินใจอาตมาจึงตัดสินใจให้ศิษย์วัดจุดไฟ หน้ากุฏิ และนำตำราเก่าเล่มนั้น พร้อมกลวยดอกไม้เผาในกองไฟ  แต่ที่แปลกคือชายหนุ่มวัยกลางคนคนนั้น ได้เดินเข้ามาหาอาตมา และสายตามองด้วยความโกรธแค้น  แต่ไม่พูดอะไร และได้หันหลังเดินออกจากวัดไปทันที   ตั้งแต่นั้นมาอาตมา ก็ไม่เคยฝันอะไรแปลก ๆ อีกเลย

 

หลวงพ่อราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) เจอผีปอบ

หลวงพ่อได้เล่าว่า สมัยเมื่ออาตมายังอยู่วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เคยพบผีปอบ คราวนั้นหลวงพ่อไปเรือยนต์ขนาดเล็กไปจอดนอนพักที่ท่าลาน เพื่อไปสืบราคาค่าเหล็ก ค่าปูน ว่าราคาเท่าไร พอไปจอดก็มีคนมาทำบุญ ตอนกลางคืนเวลาประมาณตี 2 ตื่นขึ้นมาเห็นคนผู้ชายและผู้หญิงแต่งตัวไม่ดี วิ่งมายืนที่หน้าตลิ่ง และก็มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนหลังคาเรือยนต์ แล้วกวักมือบอกว่า “มึงเก่งจริงมาซิวะ”

ผลก็คือพวกที่วิ่งมาหน้าตลิ่งนั้นมองเห็นคนบนหลังคาเรือเข้าจึงวิ่งหนีไปหมดเลย  อาตมาจึงได้ถามคนบนหลังคาเรือว่า “เป็นใคร” ให้ลงมาคุยกันหน่อย  คนบนหลังคาเรือจึงลงมาและบอกว่า “ชื่อพรสวรรค์” และพวกที่วิ่งมาที่ตลิ่งนั้นเป็นพวก “ผีปอบ”

ตอนเช้าอาตมาจึงถามคนแถวนั้นว่ามีผีปอบไหม เขาบอกว่า “มีมาก” ผีปอบก็เป็นผีที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนธรรมดาอย่างพวกเรานี่เอง

และหลวงพ่อก็ได้กล่าวอีกว่า “ผ้ายันต์แดง” คือ “ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม” ใช้แล้วผีปอบหนีหมด อาตมาเคยใช้มาแล้ว และให้ขอบารมีท่านพรสวรรค์ท่านอยู่บนพระนิพพานแล้ว ให้ท่านช่วยสงเคราะห์เพราะท่านปราบผีเก่ง

 

หลวงปู่ดู่    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นตำนานคร่าวๆ เกี่ยวกับผีปอบที่ในสังคมไทยยังมีความเชื่อกันอยู่ ในเรื่องข้อคิดก็คงจะได้ว่า วิชาไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่ดีควรจะหลีกเลี่ยงหลีกหนี ควรมาทำการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากันจะดีที่สุดนะครับ

ตำนานผีปอบ

ตัวอย่างหนังสั้น ที่มีคุณณัฐนี สิทธิสมาน นักแสดงบ้านผีปอบในตำนาน

เรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ