Category Archives: เทพเทวดา

เทพเจ้ากวนอูกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากหนังสือ ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน

สวัสดีครับ วันนี้ผมขอพักเรื่องราวในเรื่องการท่องเที่ยววัดสักบทความ จึงขอนำเสนอเรื่องราวของเทพเจ้าหรือภาษาไทยเราๆที่เรียกกันว่า เทวดา มานำเสนอกันสักนิด ซึ่งจะเป็นเรื่องราวคร่าวๆ สอดแทรกคำสอนของพระสงฆ์นั่นก็คือหลวงพ่อราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) ซึ่งผมเองนั้นมีความศรัทธาในองค์หลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้ผมจะนำเสนอเรื่องราวของเทพเจ้ากวนอู ซึ่งคนไทยหลายๆคนก็มักคุ้นเคยกันดี เป็นเทพเจ้านักรบที่ได้รับความเคารพนับถือในหมู่คนจีนและคนไทยอย่างกว้างขวาง ตัวผมเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมสังคมไทยจึงได้รับอิทธิพลเรื่องราวของเทพเจ้ากวนอูมากขนาดนี้ ซึ่งแต่เดิมนั้นตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องราวและไม่มั่นใจว่าเทพเจ้ากวนอูนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ แต่ด้วยเหตุบังเอิญที่ผมได้ไปอ่านหนังสือ “ตายไม่สูญ … แล้วไปไหน” ซึ่งเป็นหนังสือที่ถอดความมาจากการเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงทำให้ผมนั้นคลายความสงสัยไปเยอะเลยครับ… หนังสือ “ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน” เป็นหนังสือที่น่าสนใจยิ่งนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีความศรัทธาในหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ควรที่จะหามาเป็นเจ้าของเพื่อไว้ศึกษาข้อมูลเรื่องราว ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี หนังสือเล่มนี้ มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับบุคคลต่างๆ เมื่อตายไปแล้ว ได้พบเจอกับสิ่งใด … ทั้งนี้  ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็ได้กล่าวถึงเรื่องความเชื่อตามหลักกาลามสูตร 10 ซึ่งมีหัวข้อดังนี้ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้… Read More »

ตำนานความเชื่อ แม่ซื้อ เทวดาที่คุ้มครองเด็กทารก

ตำนานความเชื่อ แม่ซื้อ เทวดาที่คุ้มครองเด็กทารก ตามตำนานความเชื่อดั้งเดิมของคนไทยโบราณและได้รับการถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันที่เกี่ยวกับเด็กทารก ก็คงจะหนีไม่พ้นกับคำว่า “แม่ซื้อ” ซึ่งผมเองก็ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่เข้าใจนัก จนมีเพื่อนๆที่มีลูกได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ผมก็เลยลองไปหาข้อมูลความเชื่อเรื่องนี้ดูว่า แม่ซื้อ คือใคร คนไทยเชื่อว่าอย่างไร และก็ขอนำมาเขียนบทความสรุปพอสังเขปไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นความรู้นะครับ ครั้งแรกๆ นั้นผมคิดว่าแม่ซื้อจะมีอยู่เพียง 1 เดียว แต่ตามความเชื่อที่กล่าวกันนั้น จะมีแม่ซื้อประจำวันเกิดของเด็กแต่คน เพราะฉะนั้นแม่ซื้อตามความเชื่อจึงมีทั้งสิ้นถึง 7 นาง แม่ซื้อตามความเชื่อ ถือว่าเป็นเทวดาประเภทหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นผีกึ่งร้ายกึ่งดี เชื่อกันว่าเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองทารกแรกเกิด ซึ่งแต่ละภาคของประเทศไทยก็มีความเชื่อเรื่องแม่ซื้อทั้งสิ้น และเด็กทารกที่เกิดมาจะต้องมีแม่ซื้อประจำวันเกิดคอยดูแลให้พ้นจากอันตราย  หลายๆคนคงเคยได้ยินว่า แม่ซื้อมักจะมาหยอกเด็กๆ ทำให้เด็กหัวเราะ ยิ้มร่าเริง ความเชื่อเรื่องแม่ซื้อแต่ละภาคของไทย ภาคเหนือและภาคกลาง จะมีความเชื่อคล้ายๆกัน เชื่อว่ามีแม่ซื้อทั้งหมด 7 นาง ที่คอยดูแลทารกตามวันเกิด ภาคใต้ เชื่อว่าแม่ซื้อเป็นเทวดา บางที่ว่าเป็นภูติผี ทำหน้าที่คอยดูแลทารกแรกเกิดจนมีอายุครบ 12 ปี มีอยู่ด้วยกัน 4 นาง ได้แก่ ผุด ผัด พัด และ ผล ภาคอีสาน เชื่อว่าแม่ซื้อได้สร้างทารกในครรถ์ จนกระทั่งคลอดออกมา และก็ตามมาดูแลเด็กทารก ความเชื่อเรื่องแม่ซื้อกับเด็กทารก กล่าวว่า เมื่อแม่ซื้อ เห็นเด็กทารก มีแม่ใหม่ ซึ่งก็คือคน จึงเกิดความหวงแหน อยากได้ลูกกลับไปอยู่กับตนเอง จึงมักทำให้เกิดการเจ็บป่วย  ส่วนคนโบราณก็มักจะไม่ให้พูดว่าเด็กทารกน่ารัก… Read More »

ปริศนาคราบสีดำที่ปากทวารบาลหรือเซี่ยวกาง ที่วัดบวรนิเวศวิหาร

https://youtu.be/bkhoyGjknVg ปริศนาคราบสีดำที่ปากทวารบาลหรือเซี่ยวกาง ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อเร็วๆนี้ ได้เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องแปลกประหลาดที่บานประตูไม้แกะสลักทางเข้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีคราบสีดำออกมาจากปากนายทวารบาล จนเกิดกระแสข่าวว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ หรือลางร้าย ซึ่งผู้ใช้งาน Facebook ท่านหนึ่งได้ถ่ายรูปแล้วนำมาโพสคำถามว่า “มีใครพอจะรู้มั้ยค่ะ มันคืออะไร??? ไม้แกะสลัก รูปเทวดาที่ประตูทางเข้าวัดบวรฯ ทำไมเหมือนมีเลือดไหลออกทางปากเลย เกิดจากอะไรคะ ???” เมื่อมีกระแสข่าวเกิดขึ้นโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ จึงมีผู้คนต่างแห่เข้าไปดูความประหลาดนี้มากมาย แต่เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมานานหลายปีมากแล้ว โดยชาวบ้านในละแวกนั้น รวมถึงพระสงฆ์ในวัดก็ทราบดีว่าเกิดจากอะไร วันนี้ผมจึงค้นหาข้อมูลมารวบรวมที่มาที่ไปว่าเหตุใดจึงมีคราบของเหลวสีดำออกมาจากนายทวารบาล มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องราวจากการบอกเล่าของชาวบ้านกล่าวว่า เทพเจ้าจีนองค์ดังกล่าวมีชื่อว่าเซี่ยวกาง มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องโชคลาภและเรื่องทำมาค้าขาย เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวจีนมาเป็นเวลาช้านาน และเชื่อกันว่าเมื่อบนบานและสมปรารถนาจะทำการแก้บนโดยนำกาแฟดำมาป้ายที่ปากนายทวารนี้ สาเหตุที่มาของการนำกาแฟดำมาป้ายปากนายทวารบาลมีอยู่ว่า ในอดีตประเทศไทยสามารถสูบฝิ่นโดยไม่ผิดกฏหมาย ต่อมาทางการไทยได้ประกาศให้การสูบฝิ่นผิดกฏหมาย เป็นเหตุให้ชาวจีนคนหนึ่งซึ่งมีอาการเสพติดฝิ่นอย่างมาก เมื่อทางการไทยได้เข้าปราบปรามจึงไม่สามารถที่จะหาฝิ่นมาเสพได้ ทำให้เกิดอาการลงแดงและเสียชีวิตที่ประตูแห่งนี้ เมื่อทางวัดมาพบจึงได้ทำพิธีกงเต๊กให้แก่ดวงวิญญาณของชาวจีนคนนั้น ต่อมาท่านเจ้าอาวาสได้ฝันเห็นชาวจีนท่านนี้ว่า ช่วยหาที่อยู่ให้แก่เข้าด้วย แล้วเขาจะคอยเฝ้าดูแลวัดให้ จึงได้มีพิธีอัญเชิญวิญญาณให้มาสิงสถิตที่ประตูแห่งนี้ หลังจากนั้น มักมีผู้คนมาทำการบนบานในสิ่งต่างๆที่ตนเองปรารถนา หลายคนก็สมหวัง และได้แก้บนโดยใช้กาแฟดำ (แทนฝิ่น) มาป้ายที่ปากนายทวารหรือเซี่ยวกาง เรื่อยมา จนเห็นคราบสีดำอย่างที่เห็นจนทุกวันนี้   คำว่าเซี่ยวกาง มีความหมายว่าอย่างไร ในหนังสือ “ภาษาไทย ภาษาจีน” ของนายเฉลิม ยงบุญเกิด อธิบายไว้ว่า “เซี่ยวกาง  คือ รูปทวารบาลคือผู้รักษาประตู มักทำไว้สองข้างประตู เข้าใจว่ามาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว อ่านว่า เซ่ากัง แปลว่า ยืนยาม, ตู้ยาม, ซุ้มยาม ทวารบาลของจีนจึงเป็นเจ้าแห่งผีทั้งหลาย… Read More »

ท้าวเวสสุวรรณ (เวสสุวัณ) ราชาแห่งเทพสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

ท้าวเวสสุวรรณ (เวสสุวัณ) ราชาแห่งเทพสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ผมได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญและท่องเที่ยววัดวาอารามหลายแห่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา และได้ไปที่วัดโพธิ์ใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา สิ่งที่ทำให้ผมต้องเดินทางไปที่วัดแห่งนี้ เพราะจากข้อมูลทราบมาว่ามีรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์รูปท่านท้าวเวสสุวรรณ (เวสสุวัณ) อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี อยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทวดาที่คนไทยค่อนข้างคุ้นเคยองค์หนึ่ง โดยจะป้องครองเหล่ายักษ์ทั้งหลาย รูปร่างที่คนไทยคุ้นเคยก็คือจะมีรูปร่างเป็นยักษ์ และเรามักจะพบเห็นรูปปั้นยักษ์ตามวัดวาอารามต่างๆ โดยทั่วไปโดยเป็นสัญลักษณ์ถึงการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนานั่นเอง ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับท้าวเวสสุวรรณ คนไทยส่วนใหญ่จะนับถือท้าวเวสสุวรรณโดยเชื่อว่าท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย และปกป้องคุ้มภัยจากภยันตรายต่างๆ เนื่องมาจากคำว่า เวสสุวรรณ มาจากคำว่า เวส แปลว่า พ่อค้า และ สุวรรณ แปลว่าทองคำ เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า พ่อค้าผู้มีทรัพย์มาก (ทองคำมีค่ามาก) อีกทั้งพระองค์เป็นผู้ปกครองเหล่ายักษ์อสูร จึงเชื่อและนับถือกันว่าพระองค์จะมีฤทธิ์ปกป้องคุ้มภัยให้ได้นั่นเอง ประวัติตำนานพอสังเขปของท่านท้าวเวสสุวรรณ ในทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงอดีตชาติของท้าวกุเวร เอาไว้ใน พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม 3 ภาค 2 หน้าที่ 151 ว่า ในสมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนาไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ขึ้นในโลกนั้น มีพราหมณ์ผู้หนึ่งนามว่า “กุเวร” เป็นคนใจดีมีเมตตากรุณา ประกอบอาชีพสุจริต โดยยึดอาชีพโรงหีบอ้อยมีกำไรมากมายและได้นำผลกำไรนั้นมาทำบุญตลอดอายุขัย เช่นจัดที่พักแก่คนเดินทาง และมีให้น้ำอ้อยเป็นทานแก่ผู้เดินทางด้วย  เมื่อท่านได้ตายจากโลกไปจึงได้จุติเป็นยักขเทวดาในเมือง “วิสาณะเทพนคร” บางคนกล่าวว่า เวสาวัณ ทางทิศอุดร ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ต่อมาท่านได้รับสถาปนาเป็นราชาแห่งเทพบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ได้มีพระนามว่า “เวสสุวรรณ”… Read More »

ตำนานความเชื่อประวัติและความศรัทธาพระพิฆเนศ

ตำนานความเชื่อประวัติและความศรัทธาพระพิฆเนศ  มีหลายตำนานเล่าขานต่อๆกันมาตามความเชื่อของศาสนาฮินดู มีตำนานดังนี้ ตำนานที่ 1 พระพิฆเนศปราบอสูรและรากษส ตามตำนานเล่าว่า อสูรและรากษสได้ทำการบวงสรวงพระศิวะ เพื่อขอพรวิเศษ และได้ลำพองในตนเองจนเกิดความวุ่นวายในเมือง เพราะตนเองได้หลงในอำนาจ และไม่มีใครสามารถปราบได้ ทำให้เรื่องร้่อนถึงองค์พระอินทร์  องค์อินทร์จึงได้เข้าเฝ้าพระศิวะ เพื่อช่วยหาทางกำราบเหล่าอสูรและรากษสผู้หลงอำนาจ เมื่อพระศิวะทราบเรื่องจึงแบ่งกายเป็นหนุ่มรูปงาม กำเนินในครรภ์ของแม่นางอุมาเทวี เมื่อถึงเวลากำเนิด ได้ชื่อว่า “วิฆเนศวร” และได้ทำการขัดขวาง ต่อสู้กับเหล่าอสูรและรากษส จนได้รับชัยชนะ หลังการสงบศึกดังกล่าว จึงได้รับหน้าที่จากพระศิวะ ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ป้องกันผู้ใจพาลไม่ให้สามารถไปขอพรต่อองค์พระศิวะได้ รวมทั้งให้เป็นผู้คอยดลบันดาลให้ผู้มีจิตใจดีได้สำเร็จความปรารถนาทุกประการ ตำนานที่ 2 พระนางอุมาเทวี ปั้นเหงื่อไคลเป็นพระบุตร เมื่อคราวที่พระนางอุมาเทวีสรงน้ำอยู่ในอุทยาน พระองค์ทรงนำเหงื่อไคลของพระองค์มาปั้นเป็นหุ่นเทวบุตรรูปงาม และทรงใช้เวทย์มนต์เพื่อให้หุ่นนั้นมีชีวิตขึ้นมา จากนั้นจึงทรงรับสั่งให้เทวบุตรออกไปเฝ้ายังด้านหน้าประตูทางเข้าอุทยาน โดยได้รับสั่งว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาโดยเด็ดขาด เหตุการณ์เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดทุกครั้งที่พระแม่อุมาทรงสรงน้ำ ณ อุทยานแห่งนี้ จนกระทั่งเมื่อถึงวันกำหนดเสด็จกลับของพระศิวะ และเมื่อทั้งสองพระองค์พบกันในคราแรกต่างก็จะเข้าไปในอุทยาน อีกฝ่ายก็ปกป้องมิให้ผู้ใดย่างกายเข้าในอุทยานได้ด้วยเทวบุตรทรงได้รับคำ สั่งของพระอุมา ห้ามมิให้ผู้ใดล่วงละเมิดเข้าไปยังสถานที่สรงน้ำแห่งนี้ เมื่อเป็นดั่งนั้นพระศิวะจึงทรงสั่งให้บริวารเข้าต่อสู้และได้สังหารเทวบุตร (แต่ในบางคัมภีร์ก็ว่าพระศิวะทรงใช้ตรีศูลตัดเศียรเทวบุตรนั้น บ้างก็ว่าพระวิษณุทรงใช้จักรตัดเศียร) เมื่อพระปารวตีทรงพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์ทรงโกรธและโมโหพระสวามียิ่ง จนถึงกับทำศึกใหญ่ระหว่างทั้งสองพระองค์ ร้อนถึงพระฤาษีนารอด (นารท) ต้องออกรับหน้าเจรจาศึกในครานี้ โดยพระปราวตีได้กล่าวให้พระศิวะผู้สวามีต้องหาหนทางให้เทวบุตรฟื้นชีวิตจึง จะยอมสงบศึกให้ พระศิวะจึงทรงมีคำสั่งให้เทวดาผู้เป็นบริวารเดินทางไปทิศเหนือ และให้ตัดศรีษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่พบเพื่อนำมาต่อให้กับเทวบุตรผู้เป็นโอรส ไม่นานนักเทวดาก็เดินทางกลับมาพร้อมกับนำเศียรช้าง (มีงาเดียว) เพื่อมาต่อให้พระโอรส ซึ่งต่อมาจึงทรงตั้งพระนามใหม่ คือ คชานนะ (มีหน้าเป็นช้าง) และเอกทันต (ผู้มีงาเดียว) เมื่อได้ชุบชีวิตฟื้นแล้วพระปราวตีจึงทรงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ทั้งสองพระองค์ได้ฟังว่าทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระบิดาและพระโอรส ซึ่งฝ่ายโอรสได้ฟังดังนั้นถึงกลับหมอบกราบขออภัยโทษเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน พระศิวะทรงพอพระทัยยิ่งนัก ถึงกับประทานพรให้พระโอรสให้เป็นผู้มีอำนาจเหนือเหล่าภูตผีทั้งปวง… Read More »